หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าค่า BMI หรือ ค่าดัชนีมวลกาย กันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่รู้ว่า BMI คืออะไร และยังไม่รู้ว่าดัชนีมวลกายสำคัญอย่างไรกับเรา ต้องยอมรับนะคะว่าหลายคนปล่อยปละละเลยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเราไม่ทันได้สังเกต พอรู้ตัวอีกทีทั้งรูปร่างสัดส่วนและสุขภาพก็ย่ำแย่จนน่าเป็นห่วงเลยค่ะ
วันนี้หมอเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ BMI กันให้มากขึ้น พร้อมวิธีการหาค่า BMI ของตัวเอง รวมไปถึงแนวทางการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและปลอดภัยเมื่อเราเข้าข่ายโรคอ้วนค่ะ
BMI คืออะไร
BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าดัชนีที่ใช้ในการชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งค่า BMI สามารถระบุได้ว่าตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป รวมทั้งยังสามารถคาดการณ์ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วนและโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ในอนาคตได้
โดยค่า BMI จะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
- BMI น้อยกว่า 18.5 = ผอมเกินไป
- BMI 18.5-24.9 = ค่า BMI ปกติ
- BMI 25-29.9 = น้ำหนักเกิน
- BMI 30-39.9 = อ้วน
- BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 40 = อ้วนมากและเสี่ยงต่าการเกิดโรคอ้วน
แต่ทั้งนี้การวัดค่า BMI นิยมใช้ในกลุ่มของคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป และอาจมีการประเมินที่คาดเคลื่อนได้เล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยในแง่ของ อายุ เพศ ชาติพันธุ์ และมวลกล้ามเนื้อ ดังนั้นหากต้องการทราบถึงมวลไขมันและกล้ามเนื้อในร่างกายที่แม่นยำขึ้น การวิเคราะห์รูปร่างด้วย Styku ถือเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้คุณเข้าใจรูปร่างของตัวเองมากขึ้น
โปรแกรม BMI calculator คํานวณค่าดัชนีมวลกายอัตโนมัติ
คุณสามารถรู้จักร่างกายของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วย “โปรแกรมคำนวณค่า BMI อัตโนมัติ” โดยการกรอกน้ำหนักและส่วนสูงของคุณได้ที่โปรแกรมด้านล่าง เพื่อหาค่าดัชนีมวลกายของคุณภายในไม่กี่นาที ใช้ได้ทั้งเพศชายและหญิง
สูตรหาค่า BMI คำนวณด้วยตัวเอง
สำหรับการหาค่าดัชนีมวลกายด้วยตัวเอง สามารถหาค่า bmi คํานวณได้จากสูตรตัวอย่างนี้ สูตรคำนวณ BMI คือ BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
- ตัวอย่างเช่น บุคคลที่มีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ส่วนสูง 1.70 เมตร จะมีค่า BMI เท่ากับ BMI = 60 / (1.70)² = 22.22
ค่าดัชนีมวลกาย ผู้หญิง และ ผู้ชาย ตามเกณฑ์มาตรฐานคนไทย
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า “ค่าดัชนีมวลกาย หรือ bmi calculator คนไทย มีค่าเท่าไหร่?” ขอตอบเลยว่าแท้จริงแล้วค่าดัชนีมวลกายทั้งในคนไทย คนเอเชีย หรือ คนเชื้อชาติไหน ๆ เกรณ์มาตรฐานจะอยู่ที่ BMI 18.5-24.9 เหมือนกันทั้งนั้นค่ะ เพราะค่าการวัดค่าดัชนีมวลกายรูปแบบนี้มีความเป็นสากลอยู่ในตัวอยู่แล้ว และให้ผลลัพธ์ที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคลอย่างมากค่ะ
เช็กค่า BMI ปกติ หากเกินเกณฑ์มีผลเสียอะไร?
จะเห็นว่าค่าดัชนีมวลกายตามมาตรฐานจะอยู่ที่ 18.5-24.9 ถือเป็นค่า BMI ปกติ ใครที่วัดออกมาได้เท่านี้ก็คงอุ่นใจกันไปใช่ไหมคะ แต่สำหรับผู้ที่มีค่า BMI สูงกว่าเกณฑ์หรือจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เรามาดูถึงระดับไขมันในร่างกายที่สอดคล้องกับ BMI และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อให้คุณรับมือป้องกันและแก้ไขได้อย่างถูกจุดกันยิ่งขึ้นค่ะ
ตารางเปรียบเทียบค่าค่าดัชนีมวลกาย
ระดับค่า BMI
% ไขมันในร่างกาย BFP
ความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
น้อยกว่า 18.5 |
18.5-24.9 |
25-29.9 |
30-มากกว่า 40 |
ต่ำกว่า 10% |
21-32% (ผู้หญิง), 8-19% (ผู้ชาย) |
33-39% (ผู้หญิง), 20-25% (ผู้ชาย) |
40% (ผู้หญิง),26% (ผู้ชาย) |
โภชนาการบกพร่อง กระดูกพรุน และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ |
อยู่ในเกณฑ์ปกติ |
มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในอนาคต |
โรคความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, เบาหวาน, หลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ |
หมายเหตุ: เกณฑ์นี้เป็นการคาดการณ์ปัญหาสุขภาพจากการอ้างอิงค่า BMI และ BFP อาจมีการคาดเคลื่อนได้จากปัจจัยอื่น เช่น อายุ พันธุกรรม และไลฟ์สไตล์
ผลเสียรอบด้านเมื่อ BMI เกินมาตรฐาน!
นอกจากการที่คนเรามีค่า BMI เกินมาตรฐานจะก่อเป็นปัจจัยให้กลายเป็นโรคในอนาคตได้แล้ว ยังมีผลเสียจากการที่ค่าดัชนีมวลกายเยอะเกินมาตรฐาน ดังนี้ รูปร่างขยายใหญ่ขึ้น ไขมันส่วนเกินเยอะ ร่างกายเสื่อมโทรม ตลอดจนกระทบต่อสุขภาพจิต
ปัญหาเรื่องรูปร่างสัดส่วน
แน่นอนค่ะว่าความอ้วนมักมาพร้อมกับไขมันใต้ผิวหนังที่สะสมอยู่ทั่วร่างกาย จนทำให้รูปร่างและสัดส่วนของเราใหญ่ขึ้น และส่งผลให้หลายคนขาดความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าอีกด้วย
กระทบสุขภาพกาย
โรคที่มาพร้อมกับความอ้วน ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ 2-10 เท่า รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อ เช่น อาการปวดขา ปวดหลัง หรือปวดข้อเข่า เนื่องจากร่างกายต้องรับน้ำหนักที่มากขึ้น
ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
คนที่มีภาวะโรคอ้วนจะขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม บางคนเก็บตัว กลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่กล้าพบปะผู้คน ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ จนอาจทำให้พลาดโอกาสในเรื่องต่าง ๆ ไป ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพจิต บางคนถึงขึ้นเป็นโรคซึมเศร้าได้
4 วิธีคุมค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์อย่างยั่งยืนและปลอดภัย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์หากเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่มีความเข้มข้นปานกลาง การออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ การเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และการเต้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่หลากหลายให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นผักและผลไม้ เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ และโซเดียมต่ำ หรือจะทานเป็นอาหารแคลน้อยก็ยิ่งดีค่ะ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันทรานส์ และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใหญ่ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากในกรณีที่โรคอ้วนเกิดจากสาเหตุของโรคบางชนิดหรือเกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ ในร่างกาย หรือจะเป็นในเคสที่อ้วนจากกรรมพันธุ์ การคุมค่า BMI ให้อยู่เกณฑ์ปกติได้ควรมีการปรึกษากับแพทย์เพิ่มเติม เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
“วิธีการเพิ่มหรือลดค่า BMI” เริ่มต้นทำยังไงได้บ้าง?
การเพิ่มหรือลดค่า BMI ของแต่ละคนไม่สามารถทำตาม ๆ กันได้เสมอไป เพราะมีปัจจัยเรื่องอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงเข้ามาเป็นส่วนประกอบด้วย ดังนั้นหมอขอแนะนำวิธีแก้ไขไว้ 2 กรณีที่จะเป็นอีกเส้นทางในการช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการรักษารูปร่างและสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
1.สำหรับเคสมีค่า BMI ปกติ แต่มีปัญหาเรื่องไขมันใต้ผิวหนังพอสมควร ผิวไม่กระชับ มีเซลลูไลท์
วิธีแก้
- นวดสลายไขมัน อาทิ Venus Legacy, Coolsculpting, Thermatight ช่วยให้ผิวกระชับ ลดเซลลูไลท์ และเพิ่มความเฟิร์มให้กับผิวหนังโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ดูดไขมันไขมัน+ทำยกกระชับ อาทิ การดูดไขมันด้วยเครื่องพลังน้ำ และทำยกกระชับเจพลาสมาควบคู่กันในคราวเดียว จะทำให้ % ไขมันใต้ชั้นผิวหนังลดน้อยลง และมีผิวที่กระชับเต่งตึงขึ้น
2.เคสที่มีค่า BMI ปกติ หรือ มากกว่า 27 ขึ้นไป แต่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วน มีปัญหาควบคุมการรับประทานอาหาร ต้องการลดความอ้วน
วิธีแก้
- ใช้ ปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen เป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์ทำให้ความอยากอาหารลดลง หิวน้อยอิ่มนาน ช่วยให้ ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้น้ำหนักลดลง สุขภาพภายในดีขึ้น
- ดูดไขมัน + ไปออกกำลังกายต่อ ในเคสที่ไขมันเยอะมาก ๆ จนออกกำลังกายไม่ไหว หรือ ขาดความมั่นใจจนไม่กล้าเข้ายิม การเลือกมาดูดไขมันก่อนเพื่อให้ได้สัดส่วนที่ดีในครึ่งทาง แล้วอีกครึ่งไปออกกำลังกายต่อเพื่อรักษารูปร่างและสุขภาพ ถือเป็นทางเลือกในการดูแลรูปร่างแบบใหม่ ที่คนไข้ของเอมาร่านิยมทำกันอย่างมากค่ะ
ทลายปัญหาค่า BMI เกิน ได้ที่ Amara Liposuction Center จะกี่บีเอ็มไอ ก็กลายเป็น คุณในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด!
คุณทอย ค่า BMI ปกติ แต่ก็ยังมีพุง เลยหาทางออก
ที่เอมาร่า
คุณปูเป้ ค่า BMI 26.8 ไขมันเยอะ แต่ลีนออกใน 1 วันเป็นไปได้
คุณอาตี้ ค่า BMI 25.4 ห่วงยางหนา ดูดไขมันชายแค่ 2 ชม. หุ่นเท่ไปอีกหลายปี
สรุป
สุดท้ายนี้ หมอเชื่อว่าเราทุกคนต่างได้ข้อสรุปกันแล้วว่า BMI คือ ตัวประเมินและคัดกรองเรื่องสุขภาพและรูปร่างของเราที่สำคัญมาก ๆ และหมอว่ามันก็ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรจะใส่ใจเรื่องน้ำหนักตัวกันให้มาก เพราะสุขภาพที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราแฮปปี้กับการใช้ชีวิตได้อย่างไม่สะดุด มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมไปถึงมั่นใจกับรูปร่างที่สมส่วนได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)