เครื่องดูดไขมันพลังน้ำอย่าง body-jet จะใช้น้ำจำนวนมาก ฉีดพ่นเข้าไปที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง  เพื่อเซาะเซลล์ไขมันให้แตกตัวออกจากกันค่ะ เซลล์ไขมันที่เคยเกาะตัวกันคล้ายพวงองุ่น ก็จะลอยอยู่ในน้ำ ร่วมกับเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก และเส้นประสาทนะคะ

ทำให้ท่อดูดไขมันไม่ได้กระทบกับเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันข้างเคียงแบบตรง ๆ จึงช่วยลดโอกาสในการทำลายลงไปได้ (ทำให้เลือดออกน้อยและเจ็บน้อยระหว่างดูดไขมัน) อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีการกระทบได้บ้าง จึงทำให้มีการอักเสบ และการบวมช้ำหลังดูดไขมันได้ค่ะ (แต่จะน้อยกว่าเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน)

ถ้าถามว่าหลังใช้เครื่องพลังน้ำดูดไขมันบวมกี่วัน? คำตอบคือ ประมาณ 3 วันแรกจะมีอาการบวมมาก เพราะยังมีน้ำที่ใส่เข้าไปตอนสลายไขมันค้างอยู่ใต้ผิวเราอยู่นั่นเองค่ะ ทำให้สัดส่วนไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก

ซึ่งน้ำจะค่อย ๆ หายไปด้วยการทยอยซึมออกทางแผล (แพทย์เย็บปิดแค่ 1 เข็ม), ถูกดูดซึมเข้าไปในเส้นเลือด และถูกระบายออกทางการปัสสาวะ พอน้ำเริ่มออกจากร่างกายหมดแล้ว ใต้ผิวจะยังมีการอักเสบอยู่ จึงทำให้เกิดการระบมและเริ่มมีอาการช้ำเขียวเกิดขึ้น (อาการจะหายไปภายใน 2 สัปดาห์) นะคะ

เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน จะเป็นการใช้พลังงานต่าง ๆ เช่น พลังคลื่นความถี่วิทยุ หรือพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ อย่างเครื่องเวเซอร์ หรือเครื่อง Ultra Z เข้ามาช่วยสร้างความร้อน ในระดับอุณหภูมิที่สามารถทำลายไขมันได้ ทำให้ไขมันสลายตัวและตายลงไป เหลวตัวกลายเป็นน้ำมัน ก่อนที่จะถูกดูดออกมาค่ะ

เมื่อเกิดการทำลายเข้าอย่างจัง จึงทำให้เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อข้างเคียงได้รับการกระทบมากกว่าการใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ ทำให้มีการเสียเลือดมากกว่า ส่งผลให้คนไข้รู้สึกเจ็บขณะดูดไขมัน และมีการอักเสบมากหลังทำ

เคสที่ดูดไขมันด้วยเครื่องกลุ่มพลังความร้อน จะมีน้ำค้างอยู่ใต้ผิวน้อยมากนะคะ อีกทั้งเครื่องกลุ่มความร้อนยังช่วยให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้อีกด้วย จึงช่วยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนชัดเจนกว่าเครื่องพลังน้ำ แต่ก็จะมีความเจ็บปวดในบริเวณที่ดูดไขมัน และมีความระบมช้ำที่มากกว่าค่ะ

ลดอาการบวมหลังดูดไขมัน

หลังจากที่ดูดไขมันเสร็จแล้ว ที่เอมาร่าคลินิกจะมีการรีดน้ำออกจากร่างกาย โดยน้ำที่รีดออกมาคือพวกน้ำเกลือ, ยาชา, เลือด หรือน้ำที่ใส่เข้าไปสลายไขมันนั่นเองค่ะ การรีดน้ำนี้จะช่วยให้มีอาการบวมน้อยลง

ซึ่งหลังจากที่คนไข้กลับบ้านไปแล้ว แนะนำให้กินยาลดบวมที่ทางคลินิกให้ไป และเลือกดื่มน้ำที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างใบบัวบก, ฟักทอง และมะพร้าวเป็นต้น รวมถึงงดอาหารเค็มและอาหารที่มีโซเดียม อย่างอาหารทะเลหรืออาหารหมักดองด้วยนะคะ