หลังดูดไขมันเสร็จ มีอาการอะไรบ้าง? รับมือดีหุ่นยิ่งสวยเร็ว! Update 2024

what happens after liposuction - หลังดูดไขมัน

ในปี 2023 หรือในปัจจุบันนี้ หมอเชื่อว่าแม้หลาย ๆ คนจะเห็นรีวิวดูดไขมันมาเยอะแล้ว แต่ใครที่กำลังสนใจจะดูดไขมัน อาจจะยังมีความกังวลอยู่บ้างนะครับ ว่าหลังดูดไขมันเสร็จทันทีจะมีอาการอะไรบ้าง? ทรมานรึเปล่า? เป็นนานไหม? หมอไอซ์ Amara Clinic เลยจะมาคลายข้อสงสัยในเรื่องนี้ให้อ่านกันนะครับ

เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวและเตรียมใจไว้ก่อน รวมไปถึงว่า หมอจะบอกวิธีที่จะทำให้อาการเหล่านี้หายไป หรือทำให้อาการมันบรรเทาลงให้ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นวิธีลดอาการเจ็บ, อาการบวมช้ำเขียว, วิธีปฏิบัติตัวให้สัดส่วนเข้าที่เร็วขึ้น (การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน) และอื่น ๆ ถ้าอยากรู้แล้ว ไปอ่านกันได้เลย!

อาการที่เกิดขึ้นหลังดูดไขมันเสร็จทันทีมีอะไรบ้าง?

อาการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังดูดไขมันทันที ที่หลาย ๆ คนมักจะเป็นคืออาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงวันแรก และอาการปวด หรืออาการบวมที่เกิดขึ้นครับ แต่ว่าจะบวมมากหรือบวมน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน

นอกจากนี้ จะมีน้ำไหลออกมาจากแผลได้ ซึ่งเคสที่ใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (body-jet) มีโอกาสที่น้ำจะไหลออกจากแผลเยอะ ทั้งนี้ทาง Amara Clinic มีแผ่นดูดซึมน้ำชนิดพิเศษ โดยเราได้นำเข้าจากอเมริกา สำหรับเคสดูดไขมันโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้คนไข้ไม่ต้องเจอกับปัญหาน้ำไหลเปื้อนเสื้อผ้า หรือเปื้อนเตียงที่บ้านครับ

อาการปวด

เนื่องจากการดูดไขมันอาจกระทบกับเนื้อเยื่อได้บ้าง หลังดูดไขมันคนไข้จึงจะอาการเจ็บในบริเวณดังกล่าว หากใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (body-jet) จะมีอาการปวด 1-2 วันแรก และค่อย ๆ ดีขึ้น

ส่วนเคสที่ใช้เครื่องพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultra Z หรือ Vaser Smooth 2.2) จะปวดประมาณ 5-7 วัน อาการปวดจะเป็นเหมือนอาการหลังซิทอัพ หรือวิ่งมาราธอนหนัก ๆ ให้กินยาแก้ปวดที่ทางคลินิกให้ไปทุกครั้งเมื่อมีอาการ

อาการวิงเวียน หน้ามืด

อาการวิงเวียนคล้ายหน้ามืดหลังดูดไขมัน เกิดได้จากสองปัจจัยคือ 1. เกิดจากการสูญเสียน้ำในร่างกายขณะดูดไขมัน และ 2. เกิดจากยาชาที่แพทย์ใส่เข้าไป เพื่อระงับความเจ็บปวด จึงทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือมึนหัวได้ คนไข้จึงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป และเพื่อให้ร่างกายขับยาชาออกมาในรูปแบบปัสสาวะ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 24 ชั่วโมงหลังดูดไขมัน

ดูดไขมันหน้าท้อง

อาการบวม

คนที่ดูดไขมันด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (body-jet) ในช่วง 1-3 วันแรก จะมีอาการบวมมากกว่าคนที่ดูดไขมันด้วยเครื่องพลังความร้อน (Ultra Z, Vaser) ครับ เพราะระหว่างดูดไขมันจะมีการใส่น้ำเข้าไปที่ชั้นไขมันจำนวนมาก เพื่อทำการเซาะ สลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวออกจากกัน และยังมีการใส่ Tumescent (ยาชา, น้ำเกลือ, ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว และตัวยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก) ด้วย

จึงทำให้หลังดูดไขมันพลังน้ำใน 3 วันแรก จะมีอาการบวมมาก สัดส่วนยังไม่เปลี่ยนแปลงนัก หลังจากนั้นในวันที่ 3-7 น้ำจะทยอยซึมออกทางแผล, ถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือด และขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากน้ำหายไปแล้วอาการบวมจะยังคงมีอยู่ แต่เป็นอาการบวมที่เกิดจากการอักเสบแทน

สำหรับคนที่ดูดไขมันด้วยเครื่องพลังความร้อน (Ultra Z) ช่วง 1-3 วันแรก สัดส่วนจะเล็กลงทันทีที่ทำ เนื่องจากมีน้ำค้างอยู่ภายใต้ผิวน้อยมาก แต่จะมีการอักเสบภายใน จึงทำให้เกิดอาการบวมได้บ้าง หลังจากนั้นในวันที่ 3-7 จะมีการบาดเจ็บมากขึ้น บริเวณที่ดูดไขมันจะเกิดรอยช้ำ มีลักษณะเป็นปื้น ๆ สีแดงอมม่วง เพราะมีเม็ดเลือดกองอยู่ในบริเวณนี้มากนั่นเองครับ

นอกจากยาลดบวมที่แพทย์ให้กลับบ้านไปทานแล้ว ในช่วง 7 วันแรกหลังดูดไขมัน ทาง Amara Clinic เรามีบริการฉายแสง LED ลดบวม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบใต้ผิว, ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน, ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และกระชับตัวขึ้นอีกด้วย ส่วนใครที่มีอาการบวมช้ำง่าย หลังดูดไขมันแพทย์จะให้ยาที่ทำให้ลดบวมเร็วขึ้น

HBOT ลดบวม หลังดูดไขมัน เร่งการฟื้นฟู

ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยขึ้น การลดบวมและฟื้นฟูร่างกายหลังดูดไขมันไม่ใช่เรื่องยากที่ต้องใช้เวลานานเหมือนเมื่อก่อน ที่ Amara Clinic เราให้ความใส่ใจต่อการดูแลอาการหลังดูดไขมันอย่างมาก การนำเครื่อง HBOT เข้ามาเป็นอีก Step ในการดูแลคนไข้ จะช่วยให้คนได้ฟื้นฟูความปวดบวมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น พร้อมเสริมสร้างสุขภาพอันดีให้กับคนไข้ในอีกหลากหลายด้าน (ทำความรู้จัก…HBOT คืออะไร?)

มารู้จักกับ เครื่อง HBOT

การดูแลแผลผ่าตัด (ช่วงวันแรก ก่อนตัดไหม)

หลังดูดไขมัน แพทย์จะเย็บแผลปิดไว้ ให้ทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะถึงวันตัดไหม ซึ่งสามารถเข้ามาทำที่คลินิกได้ทุกวัน สำหรับใครที่ไม่สะดวกมาที่คลินิก ก็สามารถทำแผลเองที่บ้านง่าย ๆ ได้เช่นกัน และทางคลินิกมีการเตรียมชุดอุปกรณ์ทำแผลสำหรับทำเองไว้ให้ด้วยครับ

วิธีทำความสะอาดแผล

ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้ง และพร้อมที่จะตัดไหมออกไป (ประมาณ 5-7 วัน) หากเหงื่อออกเยอะจนทำให้แผลชื้น หรือแผลเปียกน้ำควรทำแผล และเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ

วิธีดูแลแผลผ่าตัด

  • ระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าแผลหรือแผลโดนน้ำ เพราะแผลอาจจะแฉะและทำให้ติดเชื้อได้ ไม่แนะนำให้อาบน้ำก่อนตัดไหม ควรเช็ดตัวแทน
  • ในกรณีที่คนไข้ต้องการอาบน้ำจริง ๆ เช่น คนไข้ที่ต้องทำงานแล้วเหงื่อออกเยอะ ก็สามารถอาบน้ำได้ และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำโดนบริเวณที่มีแผล (ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์แบบกันน้ำ)
  • งดเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์, อาหารทะเล, อาหารหมักดอง และอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ (อ่านเพิ่มเติม : หลังดูดไขมันห้ามกินอะไร)
  • หลังดูดไขมัน 2 สัปดาห์ งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil หรือ Ginko เป็นต้น เพราะจะทำให้แผลหายช้า
  • แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม เพราะจะช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
  • หลังจากที่แผลแห้งและตัดไหมออกเรียบร้อยแล้ว คนไข้สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ

อาการที่เกิดขึ้นได้หลังตัดไหม

อาการชา

อาการชาเกิดจากกระบวนการดูดไขมัน ซึ่งไม่ว่าจะดูดด้วยวิธีใดก็มีโอกาสโดนเส้นประสาทส่วนปลายขนาดเล็กได้บ้าง ทำให้ในช่วง 4-8 สัปดาห์แรก คนไข้จะมีความรู้สึกชาในบริเวณที่ดูดไขมัน หลังจากนั้นอาการจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

ก้อนแข็ง ก้อนไต

อาการนี้จะเกิดขึ้นในบริเวณที่ดูดไขมัน จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งใต้ผิวทำให้ผิวไม่เรียบ หรือที่เรียกว่าผิวเปลือกส้ม ผิวเป็นคลื่น ซึ่งมักเกิดกับคนที่ดูดไขมันด้วยพลังความร้อน และเกิดจากการที่คนไข้ไม่ใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน จึงทำให้เกิดเป็นก้อนไตแข็ง ๆ ขึ้น

โดยเราสามารถสลายก้อนแข็งได้โดยการนวดกระชับ RF ด้วย Venus Legacy และการทำ Thermatight หากคนไข้มีผิวที่หย่อนคล้อยร่วมด้วยครับ

อาการบวมส่วนปลาย

อาการบวมส่วนปลายจะเกิดขึ้น 2 ระยะ ระยะแรกคือช่วงสัปดาห์แรกหลังดูดไขมัน เกิดจากน้ำเกลือไหลลงสู่ที่ต่ำ หากคนไข้ดูดไขมันหน้าท้อง ก็จะมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณอวัยวะเพศ สำหรับใครที่ดูดไขมันต้นขาก็จะมีอาการบวมบริเวณปลายเท้า

ส่วนอาการบวมระยะสองจะเกิดขึ้นหลังดูดไขมันประมาณสัปดาห์ที่ 2 เกิดจากการใส่ชุดกระชับที่รัดแน่นจนเกิดไป ทำให้มีอาการบวมส่วนปลาย ซึ่งอาการบวมในลักษณะนี้ สามารถแก้ได้ง่าย หายได้ไว เพียงถอดชุดกระชับออก 2-4 ชั่วโมง และยกตำแหน่งที่บวมให้สูงกว่าระดับหัวใจ เช่นการนอนยกขาสูง เพียงเท่านี้อาการก็จะดีขึ้นทันที

ดูแลตัวเองในช่วงหลังดูดไขมัน 14 วัน

ช่วงนี้อาการบวมช้ำจะดีขึ้น จากรอยช้ำที่เป็นสีม่วงแดง จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวปนเหลืองจาง ๆ และค่อย ๆ หายไป แต่สำหรับเคสที่ดูดไขมันด้วยเครื่องพลังน้ำ body-jet อาการเขียวมักจะหายไปในสัปดาห์แรก และบางรายไม่มีอาการเขียวเลย (อาการเขียวขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเริ่มนัดให้เข้ามาทำ RF หรือนวดกระชับผิว ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิว ช่วยกระชับสัดส่วนให้เข้าที่ไวขึ้น ซึ่ง RF จะเป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency) เข้ามาช่วยในยกกระชับผิวโดยจะปล่อยพลังงานออกมาในระดับคลื่นความถี่ที่ปลอดภัย ช่วยส่งความร้อนลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว นำของเสียออกมาจากบริเวณนั้น ลดอาการบวมเขียวช้ำลง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเรียบเนียนและสัดส่วนกระชับตัวเร็วขึ้น

ในขณะที่ทำ RF คนไข้จะรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว ไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ สามารถรู้สึกถึงผิวที่กระชับตัวขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยสัดส่วนจะกระชับตัวเล็กลงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว, ปริมาณไขมัน, ชั้นไขมัน และอายุของคนไข้ด้วย สำหรับความถี่ในการทำ RF นั้น ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ดูแลตัวเองในช่วงหลังดูดไขมัน 21 วัน

หลังดูดไขมัน 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์ จะเริ่มมีการเลเซอร์ลดเลือนรอยดำ และเลเซอร์ลดเลือนรอยแดงสลับกันไป โดยการใช้ Pico Laser สำหรับรอยดำ และใช้ IPL สำหรับรอยแดง อีกทั้งในช่วงนี้ใครที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก การนวดกระชับ RF อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ก็สามารถทำการยกกระชับผิวด้วย Thermatight ร่วมด้วยได้

Pico Laser ลดรอยดำ

Pico Laser เทคโนโลยีในการส่งพลังงานเลเซอร์ที่มีความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที สามารถเข้าถึงทุกเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้อะตอมของเม็ดสีที่กระจุกตัวกันอยู่ กระจายตัวออกและถูกดูดซึมออกจากร่างกาย (ทำให้รอยดำค่อย ๆ จางหายไป) และไม่เกิดการสะสมความร้อนในบริเวณดังกล่าว

Pico Laser สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระจ่างใส และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

Pico Laser

IPL ลดรอยแดง

IPL (Intense Pulse Light) หรือเลเซอร์เย็น มีช่วงคลื่นแสงกว้าง เริ่มตั้งแต่ 420 – 1,200 นาโนเมตร เพื่อใช้ในการรักษาปัญหาผิวแต่ละแบบจะใช้ความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน

โดย IPL สามารถช่วยรอยแดงจากแผลเป็นนูน (แผลคีลอยด์), ลดเลือนรอยแดงจากสิว, ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ, ลดเลือนริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน, ผิวเรียบเนียน, ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และยังสามารถกำจัดขนได้อีกด้วย

Thermatight ยกกระชับผิว

เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก และมีก้อนแข็งหลังดูดไขมัน โดยเป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency) ชนิดพิเศษ ส่งความร้อนที่สูงกว่าการนวดกระชับ RF ทั่วไป

โดยความร้อนจะลงลึกสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณดังกล่าว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้หดตัวลง ผิวหนังจึงตึงกระชับขึ้นทันที เรียกได้ว่าการทำ Thermatight ยังช่วยให้สัดส่วนเข้าที่เร็วขึ้นอีกด้วย

ดูแลตัวเองในช่วงหลังดูดไขมัน 30 วัน

ช่วงนี้อาการบวมจะน้อยลงจากเดิมมาก สัดส่วนเริ่มเข้าที่มากขึ้น แต่ยังเข้ารูปได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากผิวหนังและกล้ามเนื้อยังไม่แนบชิดติดกัน สัดส่วนจึงยังไม่เฟิร์มกระชับ ในช่วงนี้แม้มองด้วยตาเปล่าอาจจะดูไม่ชัดเจน แต่คนไข้จะรู้ได้จากการวัดไซซ์ว่าสัดส่วนเล็กลงไปมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ไซซ์เสื้อผ้าที่เคยใส่และไซซ์ชุดกระชับก็จะเล็กลงอีกด้วย

สรุป การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันช่วง 30 วันแรก

สำหรับใครที่อยากให้รูปร่างดูดี ดูเป๊ะ สัดส่วนสวย เข้าที่ไว และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังดูดไขมัน อย่าลืมดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี โดยทำตามคำแนะนำด้านล่างนี้ได้เลย!

ดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร

หลังดูดไขมันจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะอยู่ เกิดจากที่เราเสียน้ำในร่างกายไประหว่างดูดไขมัน และยาชาที่ค้างอยู่ในร่างกาย การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ไปทดแทนน้ำในร่างกาย และช่วยขับยาชาออกมาทางปัสสาวะ ทำให้อาการดีขึ้น

รับประทานยาตามแพทย์สั่ง

หลังดูดไขมัน ทางเอมาร่าคลินิกจะให้ยากลับบ้านไปทาน ประกอบไปด้วย ยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้ปวด, ยาแก้อักเสบ และยาลดบวม คนไข้จะต้องกินยาฆ่าเชื้อติดต่อกันทุกวันจนยาหมด และกินยาแก้ปวด-ลดบวม เมื่อมีอาการ

หิวบ่อย กินไม่อิ่ม

ทำความสะอาดแผลทุกวัน

แนะนำให้ทำความสะอาดแผลทุกวัน เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้แผลติดเชื้อ คนไข้จะต้องทำความสะอาดแผลประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าแผลจะแห้ง สามารถเข้ามารับบริการที่คลินิกได้ทุกวัน หรือทำเองที่บ้านก็ได้เช่นกัน โดยทางคลินิกจะมีเซ็ตอุปกรณ์ทำแผลให้

ห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ

หลีกเลี่ยงการอาบน้ำไปก่อนจนกว่าจะตัดไหม ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวชุดน้ำทำความสะอาดร่างกายแทน หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้แผลโดนน้ำก่อนตัดไหม ให้รีบซับน้ำออกและทำให้แผลแห้งโดยเร็ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและป้องกันไม่ให้แผลดูไม่สวย

สิ่งที่ไม่ควรรับประทาน

งดอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ, อาหารทะเล, อาหารหมักดอง, ยาแอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันตับปลา, แป๊ะก๊วย, โสม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย และหายช้า

ลดหน้าแก่ ใน 30 วัน

สวมชุดกระชับตามคำแนะนำ

หลังจากที่เราดูดไขมันออกไปแล้ว จะเกิดช่องว่างระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทำให้สัดส่วนของเรายังไม่เข้ารูปชัดเจน ดังนั้นคนไข้จึงต้องสวมชุดกระชับตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้สัดส่วนเข้ารูป และเข้าที่ไวขึ้น และเพื่อลดการเกิดผิวเป็นคลื่น ผิวบุ๋ม ผิวส้ม

ออกกำลังกาย

หลังดูดไขมันสองสัปดาห์ให้เริ่มออกกำลังกายแบบเบา ๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และเพื่อให้สัดส่วนเข้าที่สวยงามยิ่งขึ้น หากต้องการออกกำลังกายหนัก สามารถทำได้หลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว 1 เดือน

*สำหรับกรณีที่มีการเติมไขมัน อาทิ เติมไขมันหน้าอก, เติมไขมันหน้าเด็ก, เติมไขมันก้นเด้ง ฯ ให้งดการออกกำลังกายไปก่อนใน 1 เดือนแรก เพราะร่างกายจะเผาผลาญไขมันที่ไม่จำเป็น หรืออ่อนแอออกไปก่อน ทำให้ไขมันที่ฉีดหรือเติมเข้าไป อาจสลายตัว และไขมันติดน้อยลงได้

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน 1 เดือน

หลังดูดไขมัน 1 เดือน คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถกินอาหารได้ตามความพึงพอใจ (อย่าลืมควบคุมอาหารเพื่อการดูแลสัดส่วนอย่างต่อเนื่องด้วยนะครับ) แต่สัดส่วนยังไม่เข้ารูปเต็มที่ ดังนั้นหากต้องการให้สัดส่วนเข้าที่และเห็นผลชัดเจนไวขึ้น ให้เข้ามานวดกระชับที่คลินิกอย่างต่อเนื่อง, หมั่นสวมชุดกระชับตามที่แพทย์แนะนำ และออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม

การสวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน อย่างถูกวิธี

การสวมชุดกระชับ ถือเป็นวิธีการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่สำคัญที่สุด เพราะสัดส่วนจะเข้าที่มากหรือน้อย เร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับการสวมชุดกระชับเป็นหลัก นอกจากนี้ยังช่วยให้อาการบวมช้ำเขียวลดน้อยลงด้วย เนื่องจากการสวมชุดกระชับจะทำให้เกิดการกดทับในบริเวณที่มีอาการช้ำ (บริเวณที่ดูดไขมันแล้วกระทบกับเส้นเลือดฝอย ทำให้เลือดออก) จึงทำให้เลือดหยุดไหล ทำให้ลดอาการเขียวช้ำได้ดี

สำหรับใครที่สวมชุดกระชับตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เมื่อถอดออกจะเห็นได้ว่ารอยช้ำเขียว เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด ใครใส่ตามที่หมอแนะนำหรือไม่ใส่ หมอสามารถสังเกตได้จากรอยช้ำพวกนี้เลยครับ

ระยะเวลาในการสวมชุดกระชับ

โดยทั่วไปในช่วง 1 เดือนแรก ทางเอมาร่าคลินิกจะให้คนไข้สวมชุดกระชับ 18-20  ชั่วโมงต่อวัน และหลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง แนะนำให้ปลดตะขอหรือถอดพักประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับ จากนั้นในเดือนที่ 2-3 อาจจะลดระยะเวลาในการสวมชุดกระชับลง เหลือเพียง 12 ชั่วโมงต่อวัน

ซึ่งคนไข้สามารถเลือกได้ว่าจะสวมช่วงกลางวันหรือกลางคืน ทั้งนี้ ระยะเวลาในการสวมใส่ชุดกระชับในเดือนที่ 2-3 จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ อย่างไรก็ตาม คนไข้บางคนก็อาจจะใส่ชุดกระชับแค่ 1 เดือน แต่บางคนอาจจะต้องใส่ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าสภาพผิวเดิมของคนไข้หย่อนคล้อยมากแค่ไหน และในบริเวณนั้นถูกดูดไขมันออกไปมากขนาดไหน

ข้อดีของการสวมชุดกระชับ

  • ช่วยให้สัดส่วนเข้าที่เร็วขึ้น ไซซ์เล็กลง
  • ช่วยลดอาการบวม ช้ำ เขียว
  • ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ช่วยรีดน้ำออกจากร่างกาย จึงช่วยลดอาการบวมได้
  • ช่วยให้เแผลหายเร็วขึ้น
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • ลดการเกิดก้อนไต หรือก้อนแข็ง
  • ช่วยให้ผิวเรียบเสมอ ไม่เป็นคลื่น
  • ช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์
  • ช่วยให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น
ชุดกระชับส่วน

สอบถามฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

วิธีดูแลชุดกระชับ

  • ซักด้วยมือเท่านั้น ไม่ควรซักด้วยเครื่องซักผ้า เพราะจะทำให้ชุดกระชับเสียทรง
  • ห้ามใช้แปรงขนแข็งขัด เพราะทำจะให้เส้นใยผ้าเสียหายได้ ให้ใช้ผ้าเนื้อนุ่มในการเช็ดทำความสะอาดแทน
  • ซักด้วยน้ำสบู่ หรือแชมพู หรือผงซักฟอกชนิดอ่อน ในน้ำอุณหภูมิปกติ
  • ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะจะทำให้ใยผ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • หลังซักเสร็จให้รีดน้ำออกเบา ๆ ก่อนนำไปตาก (ห้ามม้วนบิดชุดกระชับ)
  • ตากในที่ร่ม บริเวณที่มีอากาศถ่ายเท (ห้ามตากแดด)
  • ตากแบบพาด (ห้ามหนีบชุดกระชับ)
  • ห้ามรีดชุดกระชับ
  • ห้ามนำไปปั่นแห้ง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมัน

(เกิดได้น้อย แต่หากรู้สึกมีอาการ ให้แจ้งแพทย์โดยทันทีเมื่อมีอาการ)

  • มีเลือดออกมาก
  • แผลติดเชื้อ
  • มีอาการชานานกว่าปกติ (ติดต่อกันหลายเดือน)

อาการเหล่านี้เกิดได้น้อย และแทบไม่เกิดเลย เห็นผลข้างเคียงเยอะแบบนี้อาจจะทำให้บางคนกังวลใจ แล้วคิดว่าจะดูดไขมันดีไหมนะ? หมอบอกเลยครับว่าไม่ต้องกังวลเลย เพราะที่เอมาร่าคลินิกเราดูดไขมันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันโดยตรง เรามีเทคนิคเฉพาะตัวและดูดไขมันด้วยความละเอียดปราณีตสูง ใช้เวลาในการดูดไขมันในแต่ละเคส 3-6 ชั่วโมง อีกทั้งเรายังมีเครื่องมือที่ทันสมัย มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

ไม่เพียงแต่เครื่องมีที่มีคุณภาพเท่านั้น เรายังมีห้องผ่าตัดมาตรฐานสากล บริการที่เป็นมิตร มีเจ้าที่หน้าคอยดูแลตลอดการรักษา ไม่ว่าจะเป็นก่อนดูดไขมัน ระหว่างดูดไขมัน และการติดตามอาการหลังดูดไขมันอย่างใกล้ชิดเสมือนเป็นคนในครอบครัว นอกจากนี้เรายังมีชุดกระชับที่หลากหลาย, มีบริการนวดกระชับผิว (RF), ยกกระชับผิวด้วย Thermatight, การฉายแสง LED ลดบวม, Pico Laser ลดเลือนรอยดำ, IPL ลดเลือนรอยแดง และยังมีบริการฉีดลดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์อีกด้วย

ดูดไขมันที่ไหนดีที่สุด? ต้องเลือกและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนนะครับ เพราะมาตรฐานของคลินิกสำคัญมาก หากเราไปเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้จะมีราคาถูกดูเหมือนคุ้มค่าก็จริง แต่พอทำเสร็จแล้ว ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ เสี่ยงแก้ และเสียเงินเพิ่มอีกมากมายเลยครับ

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic

KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


              บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย