ไหนใครขาลายเพราะมีรอยแตกลายขึ้นมาเต็มไปหมดบ้าง! ปัญหารอยแตกลายต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่พบได้ตั้งแต่ช่วงเข้าวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่เลยค่ะ แล้วต้นต่ออะไรที่ทำให้หลาย ๆ คนมีปัญหารอยแตกลายกันมากขึ้นในทุกช่วงวัย แถมพยายามรักษาเท่าไหร่ก็ดูไม่จางลงไปสักที เรียกได้ว่าปัญหารอยแตกลายเป็นอะไรที่รักษาได้ยากที่เดียวเลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางในการรักษานะคะ วันนี้หมอตวงจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับปัญหาขาแตกลายกันให้มากขึ้น พร้อมทริคแก้ไขปัญหาขาแตกลายที่ทำแล้วเห็นผลจริง ในปี 2023 – หมอตวง Amara Clinic

จริง ๆ รอยแตกลายก็มีการแบ่งประเภทเหมือนกับปัญหาริ้วรอยและปัญหาสิวเช่นกันค่ะ ในทางการแพทย์เราจะแบ่งประเภทของรอยแตกลายเป็น 2 ชนิดด้วยกันคือ รอยแตกลายสีแดง และ รอยแตกลายสีขาว

รอยแตกลายสีแดง (Striae Rubra)

หากสังเกตเห็นว่ารอยแตกลายนั่นยังเป็นสีแดงอมชมพู หรือ ออกสีม่วงเล็กน้อย นั่นถือว่าเป็นปัญหารอยแตกลายแบบสีแดงค่ะ ซึ่งรอยแตกลายชนิดนี้อาจมองดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วการรักษาปัญหารอยแตกลายที่ขาตั้งแต่ยังเป็นสีแดงอยู่ จะช่วยให้เราเห็นถึงผลลัพธ์ที่ดีและยังใช้เวลาในการรักษาน้อยด้วยค่ะ เนื่องจากยังจัดเป็นระยะแรกเริ่มของปัญหาขาแตกลายค่ะ ใครที่มองเช็กดูที่รอยของตัวเองแล้วเห็นว่าเป็นสีนี้ ควรรีบมาพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาจะดีที่สุดค่ะ

รอยแตกลายสีขาว (Striae Alba)

สำหรับรอยแตกลายสีขาวจัดว่าเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปสามัญเลยค่ะ เนื่องจากหลายคนอาจไม่ได้สนใจในการเข้ามารักษารอยแตกลายสีแดงอย่างจริงจัง พอผ่านไประยะหนึ่งความอักเสบใต้ผิวหนังก็จะกลายเป็นแผลเป็นที่รักษาได้ยาก เมื่อลองลูบไปที่รอยจะรู้สึกได้ถึงความเป็นคลื่นอย่างชัดเจน และยังมีสีและขนาดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ รอยแตกลายสีขาวจึงทำให้หลายคนไม่มั่นใจในตัวเอง อีกทั้งการทาครีมจะยังไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์มากนักในรอยแตกลายประเภทนี้

สำหรับคนที่มีปัญหาขาแตกลายเยอะมากจนเหนื่อยที่จะทาครีม การเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผิวหนังโดยตรง และรับการทำหัตถการที่เหมาะสมจะช่วยให้รอยแตกลายที่ขาจางลงอย่างน่าพึงพอใจยิ่งขึ้นค่ะ ซึ่งที่ Amara Clinic หมอจะคอยให้คำปรึกษาและรักษาปัญหานี้โดยตรงด้วยการใช้เทคโนโลยียกกระชับผิว Morpheus8 ว่าแต่เจ้าเครื่องนี้คืออะไร แล้วช่วยรักษาขาแตกลายได้อย่างไร เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

Morpheus8 คืออะไร?

Morpheus8 คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) ซึ่งมีความสามารถในการยกกระชับผิวได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutis)

ซึ่งหลักการทำงานของตัวเครื่องจะเป็นแบบ Fractional Microneedle RF หรือการปล่อยพลังงาน RF แบบเฉพาะจุดที่ต้องการรักษา ผ่านหัวเข็มทองคำขนาดเล็กเป็นพิเศษ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง พร้อมยกกระชับชั้นผิวที่มีการยุบตัวให้กลับมาเรียบเนียนเต่งตึงอีกครั้ง ดังนั้นปัญหาขาแตกลาย ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น และปัญหาผิวยับต่าง ๆ จึงถูกแก้ไขได้อย่างตรงจุด อีกทั้งพลังงานของเครื่อง Morpheus8 ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวชราได้อย่างเห็นผลอีกด้วยค่ะ

Morpheus8 รักษารอยแตกลายที่ตำแหน่งไหนได้บ้าง

• รักษาปัญหาขาแตกลาย 
• รักษาปัญหาก้นแตกลาย
• รักษาปัญหารักแร้แตกลาย
• รักษาปัญหาหน้าท้องแตกลายหลังคลอด

ต้องทำกี่ครั้งรอยแตกลายถึงจะจาง

การรักษารอยแตกลายด้วย Morpheus8 สำหรับผู้ที่เป็นรอยแตกลายสีแดงจะเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ทำครั้งแรกเลยค่ะ เส้นริ้วต่าง ๆ จางลงอย่างชัดเจน แต่ในส่วนของผู้ที่เป็นรอยแตกลายสีขาวในครั้งแรกจะเห็นผลถึงเส้นที่จางลง หากกลับมาทำซ้ำในครั้งที่ 2 จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้นค่ะ แต่โดยทั่วไปแล้วแต่ละเคสจะมีความถี่การทำ Morpheus8 อยู่ที่ 1-3 ครั้งค่ะ เรียกว่าผิวสวยเห็นผลจริงได้โดยไม่ต้องมาทำบ่อย ๆ เลยค่ะ

รักษาปัญหาผิวด้วย Morpheus8 โดยคุณหมอตวง

การรักษาขาแตกลายที่เอมาร่าด้วยเครื่อง Morpheus8 คนไข้จะได้รับการดูแลรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง ดังนั้นผลของการรักษาจึงมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังทำ อีกทั้งเครื่องที่เรานำเข้ามายังเป็นเครื่องแท้สามารถตรวจสอบได้ค่ะ ใครที่กังวลเรื่องของความสะอาด ทางคลินิกเราจะมีการเปลี่ยนหัวอุปกรณ์ (Morpheus8 tip) ทุกครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีการใช้หัวรวมกันอย่างแน่นอนค่ะ อีกทั้งทางคลินิกของเรายังมีทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังทำ มั่นใจได้เลยค่ะว่าคนไข้ทุกท่านจะได้รับทั้งผลลัพธ์ที่ดี และการบริการที่คุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ 

• ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและมีทักษะการใช้เครื่องสูง
• เครื่อง Mopheus8 ของแท้นำเข้ามาอย่างถูกต้อง ได้รับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)
• หัวอุปกรณ์ (Morpheus8 tip) บรรจุในซองที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยระบบแกรมมา (GAMMA sterilized) 
• หัวอุปกรณ์ (Morpheus8 tip) จะใช้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 ผู้เข้ารับบริการเท่านั้น
• ความใส่ใจทั้งในด้านผลลัพธ์และความปลอดภัย ในทุกขั้นตอนของการรักษา