
ดูดไขมันต้นแขน ราคาเริ่มต้น 25,000.- การันตีผลลัพธ์!
ดูดไขมันต้นแขน จบปัญหาต้นแขนใหญ่อย่างตรงจุด!! หนึ่งในปัญหาหนักใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาว ๆ ตัวเล็ก ก็คือมีต้นแขนใหญ่กว่าตัว เลยทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจไปซะดื้อ ๆ เลยนะครับ อยากใส่เสื้อสายเดี่ยวก็ไม่กล้า ต้องมาคอยใช้แอปตบแขนอยู่ตลอด แถมในบางเคสยังเจอปัญหา ออกกำลังกายแล้วต้นแขนไม่ลดสักที รู้หรือไม่ว่า… การดูดไขมันต้นแขนช่วยได้ครับ!
Amara Clinic (เอมาร่าคลินิก) เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันต้นแขนโดยตรง มีการนำเทคนิคดูดไขมันแขนจากประเทศเกาหลีมาปรับใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการดูดไขมันที่ดีที่สุด และช่วยให้คนไข้มีต้นแขนที่สวยสมส่วนกลับบ้านไป ถ้าคุณกำลังลังเลว่าจะดูดไขมันต้นแขนดีไหม? และอยากหาข้อมูลเรื่องการดูดไขมันต้นแขนอยู่ คุณมาถูกที่แล้ว! เพราะหมอได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่าง เกี่ยวกับการดูดไขมันต้นแขน มาไว้ที่บทความนี้เรียบร้อยแล้วครับ
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ ได้ที่นี่เลยค่ะ
ดูดไขมันต้นแขน คืออะไร?
ดูดไขมันต้นแขน (Arm Liposuction) คือ การกำจัดไขมันสะสมที่อยู่รอบ ๆ ต้นแขน เพื่อให้ต้นแขนมีขนาดเล็กลง ต้นแขนดูเรียวขึ้น ต้นแขนสมส่วนกับรูปร่าง ไม่อวบและไม่ย้วย อย่างที่เคยเป็น การดูดไขมันต้นแขน จึงเป็นวิธีลดแขนวิธีหนึ่ง ที่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับรูปร่างของเราได้ครับ ซึ่งการดูดไขมันแขนนั้น จะสามารถทำได้กับเคสที่มีปัญหาต้นแขนใหญ่ จากไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น หากต้นแขนใหญ่เพราะสาเหตุอื่น ก็จะต้องใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมตามแต่ละเคสไป (มาให้หมอช่วยเช็คดูให้ได้นะครับ)
บริเวณที่เราจะดูดไขมันแขนออกมา คือต้นแขนส่วนหน้า, ต้นแขนส่วนหลัง (บริเวณท้องแขน) รวมไปถึงบริเวณด้านล่างของหัวไหล่ด้วย ส่วนต้นแขนด้านบนจะไม่ค่อยนิยมทำ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันครับ แต่ทั้งนี้ ในเคสของคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หริอมีความอ้วนมาก ก็จะมีการสะสมของไขมันรอบทั้งแขน รวมถึงต้นแขนด้านบนด้วย เลยทำให้ต้องดูดไขมันต้นแขน 360°
ตัวอย่าง รีวิวดูดไขมันต้นแขน
ดูดไขมันต้นแขน ดีไหม?
ดูดไขมันต้นแขนดีไหม? การดูดไขมันต้นแขน จะทำให้คุณได้ต้นแขนในฝันที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นต้นแขนที่เรียวเล็ก ต้นแขนที่เฟิร์มกระชับ และทำให้คุณแต่งตัวยังไงก็ได้ ตามที่ใจต้องการ ไม่ต้องมาคอยใส่เสื้อปิดแขน สามารถใส่เสื้อสายเดี่ยว เสื้อแขนกุด หรือชุดราตรีได้อย่างมั่นใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี ไม่ต้องมาคอยหลบแขน หรือใช้แอปตบแขน ดังนั้น การดูดไขมันต้นแขนดีแน่นอนครับ! หากเลือกคลินิกดูดไขมันแขนที่ดี มีมาตรฐาน เน้นผลลัพธ์ และมีความปลอดภัยสูง ก็ไม่ต้องกังวลว่าต้นแขนจะออกมาไม่สวยเลย เพราะผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นแขน รีวิวจากคนไข้จริงที่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ลังเลว่าดูดไขมันเหมาะกับเราไหม? ดีหรือเปล่า ลองอ่านที่บทความนี้ได้เลยค่ะ : ดูดไขมันดีไหม ?
เป้าหมายของการดูดไขมันต้นแขน
- แก้ไขปัญหาต้นแขนไม่สมส่วนกับรูปร่าง
- แก้ไขปัญหาต้นแขนใหญ่ ต้นแขนห้อย
- ลดความกังวลเวลาสวมเสื้อเปิดต้นแขน
- ช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูผอมลง ดูบางลง
- ช่วยให้ต้นแขนเรียวเล็ก จากทุกมุมมอง
- แก้ไขปัญหาต้นแขนปลิ้น เมื่อวางแขนแนบลำตัว

ปัญหาต้นแขนใหญ่เกิดจากอะไร?
ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะไปดูดไขมันต้นแขน เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าต้นแขนใหญ่เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง เพราะในบางเคส แม้จะมีต้นแขนใหญ่มาก แต่ก็ไม่สามารถดูดไขมันแขนออกไปได้เลยก็มี ทำให้เราต้องเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินว่าต้นแขนใหญ่เกิดจากอะไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้นแขนใหญ่ จะเกิดได้จาก 3 สาเหตุคือ กล้ามเนื้อแขนใหญ่, มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้ต้นแขนย้วย และไขมันส่วนเกิน ที่ทำให้ต้นแขนเราดูอ้วนนั่นเองครับ
ต้นแขนใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อ
ภายในต้นแขนของเราจะประกอบด้วยกล้ามเนื้อเป็นหลัก การออกกำลังกายหรือใช้กำลังแขนบ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้นมา จากนั้นก็จะถูกกระตุ้นให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ (สังเกตได้ง่าย ๆ โดยการดูความแตกต่างของต้นแขนผู้ชาย และต้นแขนผู้หญิง ต้นแขนของผู้ชายจะมีความแน่นกว่า จับแล้วแข็ง เพราะมีกล้ามเนื้อเยอะ ไม่เหมือนผู้หญิงที่จับแล้วนิ่ม เพราะมีไขมันมากกว่า) ซึ่งในเคสแบบนี้ จะไม่สามารถดูดไขมันแขน เพื่อให้ต้นแขนเล็กลงได้ หมออาจจะใช้วิธีฉีดลดกล้ามเนื้อแทน
ต้นแขนใหญ่เกิดจากผิวย้วย
ลองสังเกตตัวเองดูว่า เวลาที่เรายกแขนขึ้น ผิวมันย้วยลงมารึเปล่า? หากจับแล้วจะรู้สึกย้วย ๆ ดึงแล้วไม่ค่อยหดกลับ อาจจะเป็นเพราะผิวบริเวณต้นแขนของเรามีความหย่อนคล้อยก็เป็นได้ นอกจากนี้ ปัญหาต้นแขนยาน ยังเกิดได้กับคนที่เคยมีน้ำหนักตัวมาก และมีการลดน้ำหนักในเวลาอันรวดเร็ว (ลดน้ำหนักผิดวิธี) ส่งผลให้ผิวหนังของเรา ไม่สามารถกระชับติดกับกล้ามเนื้อได้ทัน จึงทำให้ต้นแขนมีลักษณะย้วยห้อยลงมา ซึ่งต้นแขนหย่อนคล้อยสามารถแก้ไขได้ 3 แบบ ตามระดับของความย้วยของต้นแขนนะครับ คือ
ระดับที่ 1 ต้นแขนย้วยมาก
หากต้นแขนมีความย้วยอย่างรุนแรง อาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัดยกกระชับต้นแขน (Brachioplasty) ซึ่งวิธีนี้ ในสมัยก่อนได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าคุณจะมีไขมันต้นแขน หรือปัญหาผิวย้วย การผ่าตัดหนังท้องแขนก็จะทำให้แขนเล็กลงในทันที แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ มีแผลเป็นรอยตะขาบอยู่บริเวณท้องแขน มีขนาดใหญ่และยาวหลายนิ้ว เห็นแผลชัด อีกทั้งยังใช้เวลาในการพักฟื้นนาน เลยทำให้การผ่าตัดยกกระชับต้นแขน ไม่เป็นที่นิยมมากนักในปัจจุบัน
ระดับที่ 2 ต้นแขนย้วยปานกลาง
คนที่มีปัญหาต้นแขนย้วยในระดับปานกลาง อาจจะไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับต้นแขน โดยส่วนใหญ่แล้ว หมออาจจะแนะนำให้ทำการดูดไขมันต้นแขนออกไปก่อน จากนั้นก็จะแนะนำให้ยกกระชับต้นแขน ด้วย J Plasma โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดใหญ่ ใช้รูเจาะเดียวกันกับแผลดูดไขมันแขนได้เลย การยกกระชับต้นแขนด้วย J Plasma จะช่วยให้หนังท้องแขน เรียบติดกับกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงช่วยลดปัญต้นแขนหย่อนคล้อยได้ดี และวิธีนี้ ยังไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานอีกด้วยครับ
ระดับที่ 3 ต้นแขนย้วยน้อย
เคสที่มีปัญหาต้นแขนย้วยเล็กน้อย และมีสาเหตุที่ทำให้ต้นแขนใหญ่มากจากไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เคสแบบนี้การดูดไขมันต้นแขน ร่วมกับการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันก็เพียงพอแล้ว อาทิ การสวมชุดกระชับต้นแขน หรือการนวดกระชับสัดส่วน (RF) เป็นต้น แต่สำหรับใครที่อยากให้ต้นแขนเข้าที่เร็วที่สุด ไม่ต้องสวมชุดกระชับต้นแขนนาน หรือนวด RF หลาย ๆ ครั้ง ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอ เพื่อยกกระชับต้นแขนด้วย J Plasma ได้นะครับ
ต้นแขนใหญ่เกิดจากไขมันส่วนเกิน
ไขมันต้นแขน เกิดขึ้นง่าย แต่ลดด้วยตัวเองยาก! โดยปกติแล้วนะครับ ในเคสของผู้หญิงจะมีการสะสมของไขมันส่วนเกิน กว่า 75% (3:4) ของต้นแขน ซึ่งบริเวณที่มีการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะที่สุด คือบริเวณด้านหลังของต้นแขน และบริเวณท้องแขนเยื้องไปด้านข้าง และอาจมีไขมันสะสมในบริเวณต้นแขนส่วนบนด้วย สำหรับคนที่เป็นเคสไซซ์ใหญ่ เมื่อไขมันเยอะ เวลาเรามองจากด้านข้าง ก็จะทำให้เราดูตัวหนายิ่งกว่าเดิมไปอีก
ซึ่งเคสดูดไขมันต้นแขนผู้หญิง จะเป็นเคสที่มีไขมันสะสมในต้นแขน มากกว่าเคสผู้ชายเป็นทุนเดิม เนื่องจากร่างกายของผู้ชายจะมีอัตราการเผาผลาญไขมันที่สูงกว่า ทำให้ผู้ชายมีแต่กล้ามเนื้อเป็นหลัก ไม่ค่อยมีไขมันส่วนเกินสักเท่าไร เคสดูดไขมันต้นแขนส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นสาว ๆ นอกจากนี้ ถ้าเราอยากรู้ว่าต้นแขนของเราใหญ่เพราะไขมันจริงไหม ให้ลองยกแขนขึ้นประมาณ 90° แล้วดูว่าบริเวณท้องแขนของเราหย่อนลงมาเยอะเท่าไร หรือใช้มือบีบไขมันขึ้นมาก็ได้เช่นกัน หากจับแล้วนิ่ม บีบขึ้นมาได้หนา ก็แปลว่าเรามีไขมันส่วนเกินเยอะ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอ เพื่อวางแผนดูดไขมันแขนออกไปได้เลย
6 วิธีดูดไขมันต้นแขน เทรนด์สุดฮิตแห่งปี!
1. ดูดไขมันต้นแขนด้วย body-jet

body-jet หรือเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (Water Assisted Liposuction) เป็นการใช้พลังงานน้ำ ในการสลายไขมัน โดยพ่นน้ำออกจากท่อดูดไขมันในรูปแบบพัด (Fan Shape) เขาไปเซาะเซลล์ไขมัน ให้แตกสลายออกจากกันอย่างอ่อนโยน โดยที่ไม่เกิดความร้อนใด ๆ จึงทำให้เสียเลือดน้อย มีความบาดเจ็บน้อย ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันแขนที่ใครหลายคนชอบ คือมีความระบมช้ำน้อย เจ็บน้อยมาก และไม่ต้องพักฟื้นเลย (อ่านเพิ่มเติม : ดูดไขมันพลังน้ำ)
และเนื่องจาก เซลล์ไขมันไม่ได้ถูกพลังความร้อนทำลาย การดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet จึงทำให้เราได้เซลล์ไขมันที่ดี มีคุณภาพ และยังไม่ตาย (มีเปอร์เซ็นต์ที่ไขมันตายน้อยมาก) สามารถนำไขมันที่ได้ จากการดูดไขมันแขน ไปเติมเต็มส่วนอื่น ๆ ต่อได้ตามต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการเติมไขมันหน้าเด็ก, ฉีดไขมันหน้าอก ,ฉีดไขมันก้นเด้ง , เติมไขมันหลังมือ หรือเติมไขมันน้องสาว เป็นต้น ทั้งนี้ต้องให้หมอประเมินให้ก่อนนะครับว่า การดูดไขมันต้นแขน จะทำให้เราได้ไขมันในปริมาณที่เพียงพอหรือไม่ ถ้าคนไข้มีไขมันต้นแขนน้อยจนเกินไม่ หมออาจแนะนำให้ดูดไขมันบริเวณอื่น ๆ เพิ่มเติม
2. ดูดไขมันต้นแขนด้วย Vaser

Vaser หรือเครื่องดูดไขมันเวเซอร์ เป็นเครื่องดูดไขมันกลุ่มความร้อน ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการสร้างความร้อนในอุณหภูมิที่สูง และเข้าไปทำลายเซลล์ไขมัน ให้แตกตัวจากภายใน และกลายเป็นของเหลว (น้ำมัน) โดยเครื่องดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2 เป็นเครื่องเวเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ และมีข้อดีมากมาย อาทิหัวดูดไขมันรุ่นใหม่ สามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้ เป็นต้น
เครื่องดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2 เหมาะกับคนที่ต้องการดูดไขมันต้นแขนทิ้งโดยเฉพาะ เพราะไม่สามารถนำไขมันไปเติมส่วนอื่นต่อได้ อย่างเช่นเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet เครื่องเวเซอร์สามารถสลายไขมันได้เร็ว ดูดไขมันออกมาได้เยอะ โดยที่ใช้เวลาน้อยกว่าบอดี้เจ็ท แต่เพราะมีพลังทำลายไขมันสูง จึงทำให้เกิดการบาดเจ็บจากภายในเยอะ และทำให้มีอาการเจ็บ บวม ระบมช้ำ หลังดูดไขมันนาน รวมไปถึงใช้เวลาในการพักฟื้นนานหลายวัน สำหรับคนที่ต้องการดูดไขมันแขนด้วยเวเซอร์ หมอจะแนะนำให้กับเคสคนไซซ์ใหญ่ หรือเคสที่มีปริมาณไขมันเยอะ จึงจะเหมาะสมกว่าครับ
3. ดูดไขมันต้นแขนด้วย Ultra Z

Ultra Z คือเครื่องดูดไขมันกลุ่มความร้อน ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ในการสร้างความร้อน และใช้ในการสลายไขมันส่วนเกิน จากประเทศเกาหลี Ultra Z จะมีพลังงานทำลายที่น้อยกว่าเครื่องดูดไขมันเวเซอร์ จึงเหมาะกับเคสที่มีชั้นไขมันบาง หรือเคสคนไซซ์เล็กมากกว่า และเหมาะกับเคสที่ต้องการดูดไขมันแขนทิ้งไป เนื่องจากไขมันที่ได้จากเครื่อง Ultra Z ยังไม่สามารถนำไปเติมส่วนอื่นได้เช่นกัน (อ่านเพิ่มเติม : ดูดไขมันพลังคลื่นเสียง)
4. ดูดไขมันต้นแขนด้วย MicroAire PAL

MicroAire PAL เป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานกล จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาศัยหลักการสั่นสะเทือนของเข็ม 4,000 รอบ/นาทีร่วมกับท่อดูดไขมันชนิดพิเศษ โดยหลักการสั่นสะเทือนนี้เองจะไปช่วยสลายไขมันให้แตกตัวได้ดี และยังสามารถใช้ดูดไขมันในตำแหน่งที่ดูดได้ยาก ๆ รวมถึงดูดออกมาได้ในปริมาณที่มาก เช่น บริเวณแผ่นหลัง, หนอก, หน้าท้องด้านบน หรือน่องขา และยังช่วยเลาะพังผืดในเคสที่เคยดูดไขมันมาก่อน หรือแม้กระทั่งในตำแหน่งที่มีไขมันเป็นบริเวณเล็ก ๆ ที่ต้องระมัดระวังการเกิดภาวะผิวหนังบุ๋ม หรือเป็นคลื่น
นอกจากนี้ เครื่อง MicroAire PAL ยังเป็นตัวช่วยในการเหลาสัดส่วน รวมไปถึงดูดไขมันต้นแขน ให้ออกมาไล่ระดับและผิวที่เรียบสวย โดยสามารถใช้ร่วมกับเครื่องดูดไขมันชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ เช่น ใช้ร่วมกับเครื่องเวเซอร์ เพื่อลดการใช้ความร้อนจากเวเซอร์ ส่งผลให้ลดโอกาสที่ผิวไหม้หรือเป็นคลื่นบุ๋ม สำหรับในกรณีที่ต้องการเหลา ตกแต่ง หรือดูดไขมันเพื่อทำร่องกล้ามเนื้อ Sexy Line, เหลาแขนให้เรียวสวย, เหลาขาตะเกียบ หรือปั้นเอวเอส ก็สามารถใช้หัวดูดไขมันชนิดพิเศษในการเก็บไขมันได้ละเอียดมากขึ้น จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาได้ทรงที่สวยตามใจนึก (อ่านเพิ่มเติม : MicroAire PAL)
5. กระชับและสลายไขมันต้นแขนด้วย BodyTite

BodyTite Pro เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวในหนึ่งเดียว ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Assisted Liposuction : RFAL) โดย BodyTite Pro รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาจากเครื่อง BodyTite รุ่นเก่า ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยหัวอุปกรณ์ (Handpiece) ทั้งด้านบนและด้านล่าง สามารถส่งพลังงาน RF แบบ Bipolar สร้างความร้อน 40-60 องศาเซลเซียส ทำให้หัวอุปกรณ์ที่ถูกสอดอยู่ใต้ผิวหนังมีความร้อนที่สูงกว่าด้านบน จึงสามารถสลายไขมันได้ ในขณะเดียวกัน คอลลาเจนและเส้นใยในชั้นผิวจะถูกหดและกระชับขึ้น รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ด้วยหัวอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก จึงสามารถซอกซอนเข้าถึงแม้ในตำแหน่งที่รักษายากได้มากกว่า BodyTite รุ่นเก่า เช่น นมน้อย, ปีกหลัง, ต้นขาด้านใน, ก้น, หัวเข่า รวมถึงบริเวณต้นแขนด้านใน รวมถึงมีตัวตรวจจับวัดอุณหภูมิทั้งผิวด้านในและด้านนอก จึงมีความปลอดภัยสูง โดยเครื่อง BodyTite Pro จะเหมาะกับคนที่มีผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านในย้วย และมีไขมันส่วนเกิน ในระดับเล็กน้อย ไม่รุนแรง หลังทำแทบไม่ต้องพักฟื้น เพราะเปิดแผลเล็กมาก ๆ ไม่กี่มม.
6. ดูดไขมันแขนไม่ย้วย ด้วย Plasma Jet

Plasma Jet (พลาสมา เจ็ท) เป็นเทคนิคดูดไขมันผิวไม่ย้วย เฉพาะที่ Amara Clinic ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะครับ! เทคนิค Plasma Jet นี้ หมอจะดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet อย่างอ่อนโยน จากนั้นหมอก็จะยกกระชับต้นแขน ด้วยเครื่องกระชับสัดส่วน J Plasma (เจพลาสมา) เพื่อให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นแขนออกมาดีที่สุด ทั้งในแง่ของความสวยงาม และการฟื้นตัวหลังทำครับ
ผลลัพธ์หลังทำ Plasma Jet
- ไขมันหาย พร้อมผิวไม่ย้วย
- ต้นแขนเล็กลง และเฟิร์ม
- ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ไม่ต้องใส่ชุดกระชับนาน
- ต้นแขนเข้าที่เร็วกว่าปกติ

บทความที่เกี่ยวข้อง
- เครื่องดูดไขมันแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร? หาคำตอบได้ที่บทความ : เครื่องดูดไขมัน มีกี่แบบ?
Morpheus8 ตัวช่วยกู้ผิวต้นแขนยับ ยู่ ย่น ให้ตึงเรียบ!
ด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (RF) จะปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิว ช่วยให้ชั้นไขมันมีการหดตัว กระตุ้นการสร้างและการเรียงตัวใหม่ของเซลล์ผิวใหม่ ทั้งเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อย ย้วยยาน หรือผิวที่ยับย่น มีความตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น โดยสามารถทำ Morpheus8 หลังดูดไขมันต้นแขนได้ เพื่อทำให้ผิวที่ยับยู่และห้อยย้อย กลับมาเรียบสวย และเฟิร์มกระชับ (อ่านเพิ่มเติม : Morpheus8)
เทคนิคดูดไขมันต้นแขน
การดูดไขมันต้นแขนทำได้ยาก มีความละเอียดอ่อน และใช้เทคนิคในการดูดไขมันเยอะมากครับ อีกทั้งหมอจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ถึงจะสามารถดูดไขมันแขนออกมา ให้มีผลลัพธ์ที่ดีได้ เนื่องจากชั้นไขมันบริเวณรอบ ๆ ต้นแขน จะเป็นชั้นไขมันที่บาง มีโอกาสที่จะดูดไขมันผิดตำแหน่งสูง ทำให้เกิดปัญหาคลื่นบุ๋ม แขนไม่สมส่วนได้ครับ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้หมอที่มีความเชี่ยวชาญจริง ๆ รู้ว่าควรดูดไขมันจากจุดไหนในปริมาณเท่าไหร่ ดูดไขมันต้นแขนด้วยความระมัดระวังสูง ปราณีต และใช้ระยะเวลาอย่างเต็มที่ (ไม่เร่งเคส ไม่รีบดูดไขมัน) ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามที่ต้องการครับ
ซึ่ง ทีมแพทย์ Amara Clinic จบหลักสูตรดูดไขมันระดับสูง จากประเทศเกาหลี พร้อมทั้งมีการนำเทคนิคการดูดไขมันต้นแขนมาใช้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคดูดไขมันแขนเรียว หัวไหล่สวย, เทคนิคดูดไขมันต้นแขน 360°, เทคนิคซ่อนแผลดูดไขมัน, เทคนิคออกแบบสัดส่วนของแต่ละเคส และเทคนิคดูดไขมันแขนไม่ย้วย เป็นต้น ทำให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันต้นแขน ที่ Amara Clinic ออกมาสวยดูดี โดนใจ และสมส่วนทุกเคส!!

ห้องผ่าตัดที่ Amara Clinic มีระบบช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานเพียบพร้อม ได้มาตรฐานระดับเดียวกับโรงพยาบาลชั้นนำ
ขั้นตอนดูดไขมันต้นแขน

หลังจากที่เข้าห้องผ่าตัดดูดไขมันต้นแขนแล้ว จะมีการขัดผิวเพื่อฆ่าเชื้ออีกครั้ง เมื่อคนไข้พร้อมดูดไขมันต้นแขนแล้ว วิสัญญีแพทย์จะเริ่มให้ยาสลบ (ข้ามขั้นตอนนี้ไป หากดูดไขมันต้นแขนด้วยยาชา) จากนั้นหมอก็จะเปิดแผลดูดไขมันขนาดเล็ก ประมาณ 4-5 มิลลิเมตร (ทุกคลินิกเปิดแผลดูดไขมันต้นแขนขนาดเท่ากัน) เพื่อให้สอดท่อดูดไขมันต้นแขนลงไปได้ บริเวณเหนือข้อศอกทั้งสองข้าง (บางเคสหมออาจจะเปิดแผลบริเวณใต้รักแร้เพิ่ม)
และเริ่มขั้นตอนแรก คือการใส่สารน้ำ Tumescent เข้าไป ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อดูดไขมันต้นแขนเสร็จแล้ว จะมีการรีดน้ำออกจากร่างกาย และมีการสวมชุดกระชับหลังดูดไขมันต้นแขนให้ในทันทีครับ
Tumescent คือ สารน้ำที่ใส่เข้าไปก่อนดูดไขมันต้นแขน เพื่อขยายช่องว่างใต้ชั้นไขมัน และช่วยลดความเจ็บของเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อข้างเคียงลงได้ โดย Tumescent จะประกอบไปด้วยน้ำเกลือ (ขยายพื้นที่), ยาชา (ลดความเจ็บ), Adrenaline (ทำให้เส้นเลือกหดตัว) และตัวยาอื่น ๆ โดยจะขึ้นอยู่กับคลินิกดูดไขมันแต่ละแห่ง ซึ่งในสมัยก่อนจะไม่มีการใช้ Tumescent ในการดูดไขมันต้นแขน ทำให้เคสในสมัยก่อนเจ็บปวดทรมานมาก และเสียเลือดเยอะ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยล่ะครับ
ดูดไขมันต้นแขน ใช้ยาชา หรือ ยาสลบดี?
ดูดไขมันต้นแขนที่ Amara Clinic เรามีบริการทั้งดูดไขมันด้วยยาชา และวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ยาสลบ) การดูดไขมันแขนด้วยยาชา ในเคสที่เคสผ่านการศัลยกรรมมาแล้ว หรือมีร่างกายที่สามารถทนต่อความเจ็บได้ ก็อาจจะเจ็บน้อยมาก หรือไม่เจ็บเลย (เจ็บเฉพาะตอนที่ใส่ยาชา เพื่อเปิดแผลดูดไขมันเท่านั้น)
แต่ใครที่ดูดไขมันมากกว่า 1 ตำแหน่งในครั้งเดียว หรือมีความกังวลมาก ก็สามารถเลือกวิธีวางยาสลบได้เลย ปลอดภัยทุกขั้นตอนแน่นอน เรามีวิสัญญีแพทย์เฝ้าระวังตลอดเคส และมีเครื่องมือ รวมไปถึงยาที่จำเป็นต่อการวางยาสลบ และใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างครบครันครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างยาชาและยาสลบ แนะนำอ่านที่นี่ : ดูดไขมันยาชา VS ดูดไขมันยาสลบ
วิธีเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นแขน

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นแขน เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นแขนเลยครับ เพราะการปฏิบัติตัวก่อนดูดไขมันแขน จะผลกับอาการระหว่างดูดไขมัน และผลข้างเคียงหลังดูดไขมันแขนได้เช่นกัน ดังนั้น คนไข้จึงต้องทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำอย่าเคร่งครัด โดยเราจะมีทั้งการดูดไขมันต้นแขนด้วยยาชา และดูดไขมันต้นแขนด้วยยาสลบ การเตรียมตัวให้พร้อมก็จะมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้
ก่อนดูดไขมัน (ยาชา)
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานอาหารก่อนมาคลินิก 3 ชั่วโมง
- งดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หลวม ๆ
- พาญาติมาด้วย 1 คน (ห้ามกลับเอง)
ก่อนดูดไขมัน (ยาสลบ)
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชม.
- งดดื่ม, กินอาหารทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชม.
- งดสูบบุหรี่ทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชม.
- ตัดเล็บมือให้สั้น, เช็ดสีเล็บออก 1 เล็บ
- ถอดเครื่องประดับทุกชนิด
- งดแต่งหน้า, ทาครีมที่ใบหน้า
- งดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม หลวม ๆ
- พาญาติมาด้วย 1 คน (ห้ามกลับเอง)
หมายเหตุ : การไม่ปฎิบัติตัวตามคำแนะนำก่อนวางยาสลบ อาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นะครับ เพราะสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาจจะสำลักเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ อีกทั้งยังทำให้ต้องเลื่อนการเริ่มเคสดูดไขมันต้นแขนออกไปอีกด้วย
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันแขน

เพื่อให้การดูดไขมันต้นแขน ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน ได้ผลลัพธ์ที่สวย และเห็นผลเร็วที่สุด ต้องอาศัยความร่วมมือ ในการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นแขนของคนไข้ด้วยเช่นกัน และการเข้ามารับบริการที่คลินิกตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย เช่น นวดกระชับสัดส่วน, ทำความสะอาดแผล, นวดลดก้อนแข็ง, เลเซอร์รอยแผล, ฉีดลดคีลอยด์ หรือฉายแสงลดบวม ก็สำคัญไม่แพ้กัน
1.การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน (1 เดือนแรก)
- สวมชุดกระชับต้นแขนวันละ 18-20 ชั่วโมง
- ในแต่ละวันให้ปลดตะขอชุดกระชับ 30-60 นาที ทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้งและตัดไหม
- ห้ามให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ
- รับประทานยาบรรเทาอาการที่แพทย์ให้ไปตามคำแนะนำ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือดื่มวันละประมาณ 1-2 ลิตร
- หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารหมักดอง อาหารไม่สุก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์ (Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil, Ginko)
- หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขน หรือยกของหนัก เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ

2.ทำความสะอาดแผลทุกวัน
หลังดูดไขมันต้นแขนไปแล้ว ควรทำความสะอาดแผลทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้ง และสามารถตัดไหมได้ (5-7) การทำความสะอาดแผลดูดไขมัน จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อลงไปได้ ทำให้แผลมีการฟื้นตัวที่ดี แผลสวย ไม่เกิดแผลเป็นขึ้น ซึ่งหลังจากที่ดูดไขมันต้นแขนเสร็จ หมอจะมีการปิดแผลอย่างหลวม ๆ ด้วยผ้าก็อซ
เพื่อให้น้ำสามารถซึมออกจากแผลได้ (คนไข้สามารถถอดเปลี่ยน เวลาทำความสะอาดแผลได้) โดยน้ำจะซึมออกมาเรื่อย ๆ และจะหายไปภายใน 48 ชั่วโมง หลังดูดไขมันต้นแขน
3.ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าแผล
ในช่วงก่อนตัดไหม เราต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าแผลโดนเด็ดขาด เพราะแผลอาจจะแฉะและติดเชื้อได้ (น้ำระบายออกมาจากแผลได้ แต่ห้ามไม่ให้น้ำเข้าแผล) ให้งดการอาบน้ำออกไปก่อน แนะนำให้เช็ดตัวแทน หากแผลชื้นหรือมีน้ำเข้าแผล ให้ซับให้แห้งและเปลี่ยนผ้าก็อซใหม่ทันที ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์กันน้ำ เพื่ออาจทำให้แผลติดเชื้อได้

4.รับประทานยาตามคำแนะนำ
หลังดูดไขมันแขน เราจะจัดเซ็ตยาให้กลับไปรับประทานที่บ้าน โดยจะประกอบด้วยยาลดอาการบวม, ยาแก้อักเสบ, ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวด ให้รับประทานยาฆ่าเชื้อติดต่อกันทุกวันจนหมด และรับประทานยาอื่น ๆ ทุกครั้งเมื่อมีอาการ ยาต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยบรรเทาอาการหลังดูดไขมันต้นแขนลงได้ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ทาน Vitamin C และ Vitamin B Complex เพิ่ม เพื่อให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
5.ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร
วันแรก ๆ หลังดูดไขมัน จะมีอาการบวม และอาการคลื่นไส้อยู่ได้บ้าง การดื่มน้ำในปริมาณมาก จะช่วยขับยาชาและยาสลบออกมา ในรูปแบบของปัสสาวะ ทำให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้น

6.งดยา และอาหารบางชนิด
ให้งดยาและวิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil และ Ginko และงดอาหารบางประเภทที่จะส่งผลต่อแผล และการฟื้นฟูตัวเองด้วย เช่น อาหารหมักดอง, อาหารทะเล, อาการกึ่งสุกกึ่งดิบ, อาหารไม่สะอาด, ปลาร้า, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ด้วย
7.หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังฟื้นฟูตัวเอง การยกของหนัก หรือใช้กกำลังแขน อาจทำให้แผลหายช้า มีอาการอักเสบจากภายในเยอะขึ้น กล้ามเนื้ออักเสบ ทำให้เรามีอาการเจ็บนานกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลงอีกด้วย
8.ใส่ชุดกระชับต้นแขน
ชุดกระชับหลังดูดไขมันต้นแขน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และบางคนอาจจะละเลยได้ ยิ่งใส่ก็ยิ่งดีต่อตัวเราเท่านั้น การใส่ชุดกระชับสัดส่วน จะช่วยปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นใต้ผิวของเรา ทำให้ผิวกระชับติดกับกล้ามเนื้อ และส่งผลให้ต้นแขนเข้าที่เร็วนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังช่วยลดอาการหลังดูดไขมันได้อีกด้วย เช่น การเกิดก้อนแข็ง, ก้อนไต, ผิวคลื่น, seroma, ความบวม, ความช้ำ, ความเจ็บ และระยะเวลาในการพักฟื้นก็จะน้อยลงด้วย เราควรใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมันต้นแขน ทันทีหลังดูดไขมันแขนเสร็จ และควรจะใส่เพียง 18-20 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีการถอดพักในระหว่างวันบ้าง ทุก 4-6 ชั่วโมง (หากใส่มากเกินไป หรือใส่ตลอดทั้งวัน อาจทำให้เจอปัญหาแผลกดทับได้)
หลังทำมีแผลดูดไขมันแขน ตรงไหนบ้าง?
การดูดไขมันต้นแขน หมอจะเปิดแผล 2 ตำแหน่ง คือบริเวณเหนือข้อศอก แขนข้างซ้ายและขวา หากเป็นเคสที่มีปริมาณไขมันเยอะมาก หมออาจพิจารณาเปิดแผลดูดไขมันใต้รักแร้เพิ่มตามความเหมาะสม ทั้งนี้ การดูดไขมันแขนที่ Amara Clinic ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลใด ๆ เพราะเรามีบริการ After Care ดูแลแผลอย่างเต็มที่ อาทิ Pico Laser สำหรับลดเลือนรอยดำ, IPL Laser สำหรับลดเลือนรอยแดง, ฉีดลดคีลอยด์ และรวมไปถึงบริการฉายแสง LED ลดอาการอักเสบของแผล
บทความที่เกี่ยวข้อง
- แผลดูดไขมันใหญ่แค่ไหน? กี่วันหาย? จะทิ้งรอยไว้ไหม? หาคำตอบได้ที่บทความ : แผลดูดไขมัน
ภาวะแทรกซ้อนหลังดูดไขมันต้นแขน
เคสส่วนใหญ่มักจะดูดไขมันต้นแขนด้วยยาชา เพราะต้นแขนเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยมีปริมาณไขมันเยอะ เหมือนตำแหน่งอื่น ทำให้ใช้เวลาในการดูดไขมันไม่นาน และไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง แต่ถ้าไม่เคสที่ดูดไขมันต้นแขน ร่วมกับการดูดไขมันตำแหน่งอื่น หรือดูดไขมันวางยาสลบ ก็อาจจะมีอาการแทรกซ้อนจากการใช้ยาสลบได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนหลังดูดไขมันต้นแขน ที่สามารถเกิดขึ้นได้ มีดั้งนี้

แผลติดเชื้อ
การติดเชื้อที่แผล หลังดูดไขมันต้นแขน เกิดขึ้นได้น้อยมากในปัจจุบัน หากเราเลือกคลินิกดูดไขมันต้นแขนที่มีมาตรฐาน มีการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่ดี มีการทำความสะอาดแผลทุกวัน ไม่มีน้ำซึมเข้าแผลดูดไขมัน สวมชุดกระชับสัดส่วน และงดอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก ก็จะไม่มีปัญหาแผลติดเชื้อใด ๆ ในกรณีที่แผลติดเชื้อเล็กน้อย สามารถทานยาฆ่าเชื้อได้ครับ
เมายาชา เมายาสลบ
การใช้ยาชาและยาสลบ ร่วมกับการที่เราดูดไขมันเป็นเวลานาน จะทำให้เรามีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อยากอาเจียนหลังดูดไขมัน โดยอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายใด ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อให้ร่างกายขับยาชาและยาสลบออกไป ทั้งนี้ การใช้ยาชาเกินขนาด (มักเกิดกับเคสที่ใช้ยาชาในการดูดไขมัน และแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ) อาจทำให้เกิดอันตรายได้ โดยจะมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหายใจผิดปกติได้
ดูดไขมันเป็นไตแข็ง
หลังดูดไขมันต้นแขน บางเคสอาจจะรู้สึกว่ามีก้อนแข็ง ๆ อยู่ใต้ผิวได้ อาการดูดไขมันเป็นไตแข็ง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากห้อเลือด พังผืด และภาวะ seroma ซึ่งก้อนแข็งหลังดูดไขมัน สามารถนิ่มลงได้เอง แต่อาจจะใช้เวลานาน หากต้องการให้ก้อนแข็งนิ่มลงเร็ว ๆ แนะนำให้ประคบอุ่น, นวดด้วย Thermatight และสวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน

ภาวะ Seroma
Seroma คือภาวะที่ร่างกาย ไม่ยอมให้มีช่องว่างใต้ผิว (หลังดูดไขมันออกไป จะเกิดช่องว่างขึ้น) ทำให้ร่างกายสร้างน้ำขึ้นมาทดแทนช่องว่างนี้ เวลาจับต้นแขนจะรู้สึกเหมือนมีน้ำอยู่ในผิว ซึ่งหากปล่อยไว้ ร่างกายก็สามารถดูดซึมกลับไปได้เอง แต่ก็อาจจะเกิดปัญหาก้อนแข็งได้ผิวได้ และสำหรับใครที่มีน้ำใต้ผิวเยอะ แนะนำให้เข้ามาหาหมอ เพื่อเจาะน้ำออกไปครับ (seroma มักจะเกิดขึ้นกับเคสที่ดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน)
ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น
หลังดูดไขมันผิวเป็นคลื่น มีลักษณะขรุขระไม่เรียบ ทำให้ต้นแขนดูไม่สวยงาม เกิดได้จากการที่แพทย์ดูดไขมันต้นแขนออกมาในปริมาณที่เยอะเกินไป และเกิดได้จากการดูดไขมันผิดจุด โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะรู้ว่าควรดูดไขมันต้นแขนจุดไหน เพื่อให้ต้นแขนดูสวยสมส่วน สามารถแก้ไขได้โดยการดูดไขมันเพิ่ม, การฉีดไขมันเข้าไป, การสวมชุดกระชับต้นแขน และการนวด RF สลายไขมัน ทั้งนี้ แพทย์จะดูตามความเหมาะสมของแต่ละเคส ว่าใครใช้วิธีใด
บทความที่เกี่ยวข้อง
- หลังดูดไขมันต้องปฏิบัติตัวอย่างไร (ฉบับเต็ม) อ่านได้ที่บทความ : วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
ต้นแขนหลังดูดไขมันบวมกี่วัน?
ดูดไขมันต้นแขนบวมกี่วัน? อาการบวมที่เกิดขึ้นในแต่ละเคส รวมไปถึงอาการเจ็บ และระยะเวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมันต้นแขน จะขึ้นอยู่กับว่า ในแต่ละเคสเลือกใช้เครื่องดูดไขมันอะไร สำหรับเคสที่ดูดไขมันด้วยเครื่อง body-jet (พลังงานน้ำ) จะมีอาการเจ็บ มีความบวม ฟกซ้ำ น้อยกว่าเครื่องดูดไขมันพลังความร้อนมาก ทำให้หลังดูดไขมันต้นแขนพักฟื้นไม่นาน (บางเคสไม่ต้องพักฟื้น) ส่วนเคสที่ดูดไขมันแขนด้วยเครื่องความร้อน จะใช้เวลาในการพักฟื้นนานประมาณ 5-7 วัน โดยอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?
การดูดไขมันแขนเป็นการลดสัดส่วน ลดความใหญ่ของต้นแขน ด้วยการลดไขมันส่วนเกิน ไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงตามไปด้วย แม้ไขมันจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็มีมวลและน้ำหนักที่เบามาก เมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อ ดังนั้น การดูดไขมันต้นแขน ไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลง ยกเว้นเคสที่ดูดไขมันทั้งตัว หรือดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้บ้างครับ
ดูดไขมันต้นแขน เจ็บไหม?
ดูดไขมันต้นแขนเจ็บไหม? ถ้าดูดไขมันแขนด้วยยาชา ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเจ็บได้แน่นอน และอย่างที่เราทราบกันว่า การดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องมือที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีระดับความเจ็บที่แตกต่างกันด้วย โดยเคสที่ดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet จะมีความรู้สึกเจ็บน้อยมาก หรือไม่รู้สึกเจ็บเลย ทั้งระหว่างดูดไขมันแขน และหลังดูดไขมันแขน ส่วนเคสที่ดูดไขมันต้นแขน ด้วยเครื่องพลังงานความร้อน (Ultra Z, Vaser Smooth 2.2) จะรู้สึกเจ็บได้ ทั้งระหว่างดูดไขมัน และหลังดูดไขมันเลย (เจ็บมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
สำหรับใครที่อยากดูดไขมันต้นแขน แต่กังวลว่าจะเจ็บมาก เป็นคนขี้กลัว ก็สามารถดูดไขมันแขน ด้วยวิธีวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ได้ เหมือนเรานอนหลับพักผ่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ต้องทนเห็นภาพไม่พึงประสงค์ใด ๆ เมื่อตืนขึ้นมา ก็จะพบความเปลี่ยนแปลงของต้นแขนในทันที และหากคลินิกดูดไขมันที่ท่านสนใจ มีการใช้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์วิชาชาชีพจริง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยใด ๆ เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- หากอยากรู้ว่า การดูดไขมันเจ็บหรือเปล่า? ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ : ดูดไขมัน เจ็บไหม ?
ดูดไขมันต้นแขน อันตรายไหม?

ดูดไขมันอันตรายไหม? หลาย ๆ คนอาจจะเห็นข่าวผ่าน ๆ ตามาบ้างแล้วว่า มีเคสดูดไขมันแล้วเสียชีวิต ซึ่งจริง ๆ แล้วสาเหตุไม่ได้มาจากการดูดไขมันต้นแขน แต่เป็นเพราะคลินิกดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการวางยาสลบที่ปลอดภัย กล่าวคือวางยาสลบ โดยผู้ที่ไม่ใช่วิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น จึงไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญที่จะรองรับสภานการณ์ฉุกเฉิน จึงทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
การดูดไขมันต้นแขน ไม่อันตรายใด ๆ นะครับ แต่ก็ต้องเลือกคลินิกดูดไขมันต้นแขนให้ดีด้วย การศึกษาหาข้อมูลเยอะ ๆ และพิจารณาคลินิกให้ถี่ถ้วน ไม่เลือกที่ดูดไขมันราคาถูกเป็นหลัก พร้อมทั้งพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกันครับ ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันแขน ออกมาดีที่สุด ไม่มีปัญหาตามมาที่หลัง ไม่ต้องมาเสียเงินแก้ใหม่ และเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองด้วย
ดูดไขมันต้นแขน ที่ไหนดี?

อยากดูดไขมันต้นแขน ที่ไหนดีนะ? ที่จะให้ต้นแขนเราออกมาสวยสมสวย และเป๊ะที่สุด! ก่อนอื่นเลย เราต้องมาอ่านข้อมูลเรื่องดูดไขมันต้นแขน รู้จักว่าการดูดไขมันคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง พร้อมเปรียบเทียบคลินิกดูดไขมันที่สนใจ จากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน ดังนี้ (อ่านเพิ่มเติม : ดูดไขมันที่ไหนดี)
1.ปัจจัยด้านแพทย์ดูดไขมัน
เมื่อเราเจอคลินิกที่สนใจแล้ว ให้ทำการตรวจสอบว่าแพทย์ เป็นแพทย์จริงหรือไม่? มีใบประกอบวิชาชีพหรือเปล่า? ดูฝีมือการดูดไขมันต้นแขนของแพทย์คนดังกล่าว ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง? นอกจากนี้ การเข้าไปปรึกษากับแพทย์โดยตรง ก็จะช่วยให้เรารับรู้ได้ว่า แพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และตรงใจกับเรามากแค่ไหน
2.ปัจจัยด้านความปลอดภัย
ห้องผ่าตัดดูดไขมันต้นแขน ต้องสะอาดและปลอดเชื้อมากที่สุด และต้องมีระบบต่าง ๆ เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ระบบกรองอากาศให้ปลอดเชื้อ 99.97%, ระบบ Lamina Airflow, ระบบ Positive Pressure, ระบบสำรองไฟฟ้า, ระบบช่วยชีวิตฉุกเฉิน, ระบบเดินท่อออกซิเจน, เครื่องช่วยชีวิตฉุกเฉิน และยาฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องเป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบตัวตนของวิสัญญีแพทย์ด้วยเช่นกัน เพราะคลินิกบางแห่ง ไม่มีวิสัญญีแพทย์ จะให้แพทย์ดูดไขมันเป็นผู้ให้ยาสลบเอง ตรงนี้อันตรายมาก!! (อ่านเพิ่มเติม : ห้องผ่าตัดดูดไขมัน)
3.ปัจจัยด้านความน่าเชื่อถือ
ในส่วนนี้ ควรจะดูสถานที่ตั้งของคลินิกดูดไขมันต้นแขน การให้ข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ว่ามีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ การดูรีวิวดูดไขมันต้นแขน และประสบการณ์ดูดไขมันแขน รีวิวจากเคสจริง รวมไปถึงการได้รับการยอมรับจากบริษัท หรือสถานบันต่าง ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้
4.ปัจจัยด้านราคาดูดไขมันต้นแขน
ดูดไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกว่ามีการคิดราคาดูดไขมันต้นแขนอย่างไร ซึ่งราคาดูดไขมันต้นแขน ไม่ควรถูกเกินไป (หลักพัน-หมื่นต้น) เพราะราคาที่ถูกจนเกินไป ก็หมายถึงการเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น ทั้งมาตรฐานที่ต่ำ ต้นทุนของเครื่องมือที่น้อยนิด (อาจไม่ใช่เครื่องแท้) ระดับของความปลอดเชื้อ (ห้องผ่าตัด ไม่มีระบบปลอดเชื้อ เป็นห้องธรรมดา) และอาจเป็นเคสลองมือให้กับแพทย์หน้าใหม่ได้ครับ
5.ปัจจัยด้านราคาดูดไขมันต้นแขน
ดูดไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกว่ามีการคิดราคาดูดไขมันต้นแขนอย่างไร ซึ่งราคาดูดไขมันต้นแขน ไม่ควรถูกเกินไป (หลักพัน-หมื่นต้น) เพราะราคาที่ถูกจนเกินไป ก็หมายถึงการเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น ทั้งมาตรฐานที่ต่ำ ต้นทุนของเครื่องมือที่น้อยนิด (อาจไม่ใช่เครื่องแท้) ระดับของความปลอดเชื้อ (ห้องผ่าตัด ไม่มีระบบปลอดเชื้อ เป็นห้องธรรมดา) และอาจเป็นเคสลองมือให้กับแพทย์หน้าใหม่ได้ครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เลือกคลินิกดูดไขมันให้ปลอดภัย ต้องดูอะไรบ้าง ? ตามอ่านได้ที่บทความ : ดูดไขมันที่ไหนดี?
ดูดไขมันต้นแขน ราคาเท่าไหร่?
ดูดไขมันต้นแขน ราคาถูก (หลักพัน) อาจทำให้แขนเบี้ยว เกิดปัญหาตามมาเยอะ และต้องเสียเงินแก้ได้นะครับ ราคาดูดไขมันต้นแขนต้องไม่ถูกจนเกินไป หากราคาดูดไขมันต้นแขนอยู่ระดับปานกลาง ค่อนไปทางสูง ก็แสดงให้เห็นว่าคลินิกใส่ใจในมาตรฐานของเครื่องมือต่าง ๆ เพราะเครื่องที่ดีและเป็นเทคโนโลยีใหม่ มักจะมีราคาต้นทุนสูง (อ่านเพิ่มเติม : ดูดไขมันราคาเท่าไหร่)
ซึ่งที่ Amara Clinic ไม่ใช่คลินิกที่ดูดไขมันราคาถูก แต่ราคาดูดไขมันต้นแขนของเราจะอยู่ในระดับปานกลาง สมเหตุสมผล กับสิ่งที่ท่านจะได้รับ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน โดยราคาดูดไขมันต้นแขนจะเริ่มต้นที่ 25,000 บาท สำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันต้นแขนทิ้ง ด้วยเครื่อง Ultra Z หรือเครื่อง Vaser Smooth 2.2 และเริ่มต้นที่ 39,900 บาท สำหรับเคสที่ดูดด้วยเครื่อง body-jet (สามารถเอาไขมันไปเติมต่อได้) ราคาดังกล่าวเป็นราคาเหมารอบต้นแขนทั้งสองข้าง (ดูดไขมันราคาเหมาบริเวณ ไม่ได้คิดเป็นจุด)
ราคาดูดไขมันต้นแขนล่าสุด (เริ่มต้น)
ตำแหน่งดูดไขมัน | เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet |
เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน
Vaser Smooth 2.2 , Ultra Z |
ดูดไขมันต้นแขน ราคา (สองข้าง) | 39,900 บาท | 25,000 บาท |
วางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ | 25,000 บาท | 25,000 บาท |
ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละเคส เช่น
- เครื่องดูดไขมันที่ใช้
- วิธีระงับความเจ็บปวด
- Size และ BMI ของคนไข้
- ปริมาณไขมันของคนไข้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ปัจจัยที่ต้องรู้ สำหรับการดูราคาในการดูดไขมัน ตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ดูดไขมัน ราคา?
ทำไมต้องดูดไขมันต้นแขน ที่ Amara Clinic
ดูดไขมันต้นแขนทั้งที่ ต้องเลือกดูดไขมันกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) เราเป็นศูนย์ดูดไขมัน เติมไขมัน เฉพาะทาง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากด้วยประสบการณ์ดูดไขมันแขน แพทย์จบหลักสูตรการดูดไขมันระดับสูงจากประเทศเกาหลี มีการนำเทคนิคดูดไขมันต้นแขนจากเกาหลีมาปรับใช้ แพทย์เป็น KOL อาจารย์สอนแพทย์ดูดไขมันพลังน้ำประจำประเทศไทย นอกจากนี้ Amara Clinic ยังเป็น Body-jet Education Center หรือศูนย์การสอนดูดไขมัน-เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet อีกด้วย

- แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์มาแล้วหลายพันเคส
- แพทย์ออกแบบรูปร่างแบบ Case by Case
- แพทย์มีความละเอียด ปราณีตสูง ให้เวลาทุกเคสเต็มที่
- แพทย์ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง หลังดูดไขมันต้นแขน
- เครื่องมือทันสมัย เน้นเทคโนยีใหม่ ที่ได้มาตรฐาน
- เน้นความผลลัพธ์ มาตรฐาน และความปลอดภัย
- มีการฆ่าเชื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทุกครั้ง ก่อนและหลังใช้งาน
- ห้องผ่าตัดมาตรฐานสากล ระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ
- มีทั้งยาชา และวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์
- มีบริการ After Care หลังดูดไขมันต้นแขน ครบครัน
- มีรีวิวดูดไขมันต้นแขน และตำแหน่งอื่น ๆ เยอะที่สุดในประเทศไทย
- รับประกันผลงาน การันตีสัดส่วนลดลง ไซซ์ลดจริง
แนะนำเครื่องมือทันสมัย ที่เราเลือกใช้
Amara Clinic หมอเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนไข้ของหมอทุกเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควบคู่ไปกับความปลอดภัย และเราจะไม่ยอมลดมาตรฐานอย่างแน่นอน เครื่องมือที่เอมาร่าคลินิกเลือกใช้ จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความทันสมัย ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาแล้วทุกเครื่อง อาทิ เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet, เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ Ultra z และ Vaser Smooth 2.2 ที่เราได้รู้จักกันไปก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ เรายังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันที่ดียิ่งขึ้น อย่างเครื่องกระชับสัดส่วน J Plasma สำหรับกระชับผิวให้ลีนเฟิร์มในทันที, เครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อแบบเร่งด่วน HIFEM (ทำ 30 นาที = ได้ผลเท่าการซิทอัพ 20,000 ครั้ง) และเครื่อง RF รุ่นใหม่ล่าสุดและดีที่สุด Venus Legacy สำหรับนวดกระชับสัดส่วน หลังดูดไขมันต้นแขนให้เข้าที่เร็วด้วย
J Plasma กระชับสัดส่วน

J Plasma (เจ พลาสมา) เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิว กระชับสัดส่วน ใหม่ล่าสุด จากอเมริกา เป็นเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวย้วย และผิวหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด ด้วยการใช้พลังงานฮีเลียมพลาสมา และพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ มาสร้างพลังงานความร้อนที่สูงถึง 85°C เพื่อทำให้เส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิว หดตัวลงในทันที ตามบริเวณที่เราต้องการอย่างตรงจุด จากนั้นท่อพลังงานจะเย็นลงในเสี้ยววิ ทำให้ไม่เกิดปัญหาผิวไหม้ใด ๆ หลังทำ
ผลลัพธ์หลังทำ J Plasma
- ผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
- บรรเทาอาการหลังดูดไขมัน
- ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
- ได้ผลลัพธ์ 80% ของการผ่าตัดหนัง
- ลดอาการเจ็บ ลดอาการบวม
- เห็นผลเร็ว สัดส่วนเข้าที่เร็ว
- ช่วยลดเวลาในการสวมชุดกระชับต้นแขนลง
HIFEM กระตุ้นกล้ามเนื้อ
HIFEM (High Intensity Focused Electromagnetic) คือเครื่องที่ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อของเรา มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น กล้ามเนื้อจะกระชับตัว เมื่อทำ HIFEM 1 ครั้ง (30 นาที) จะได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการซิทอัพ 20,000 ครั้ง กล้ามเนื้อจะถูกบีบให้หดตัว เกิดการทำลายกล้ามเนื้อ และสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ สามารถปั้น Six Pack, Sexy Line และยกกระชับปั้นก้นเด้งได้
Venus Legacy นวดกระชับสลายไขมัน

Venus Legacy เป็นเครื่องนวดกระชับสัดส่วน สลายไขมันส่วนเกิน หลังการดูดไขมันต้นแขน ราคาหลักล้าน!! โดยการใช้พลังคลื่นความถี่วิทยุแบบหลายขั้ว ร่วมกับเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PEMF, เทคโนโลยี VariPulse™ และเทคดนโลยีแสดงอุณหภูมิแบบ Realtime ทำให้ความเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ทันที ไม่มีปัญหาผิวไหม้เกิดขึ้น (เครื่องราคาถูกจะมีปัญหาผิวไหม้ และอุณหภูมิความร้อนไม่ถึง จุดที่ทำให้ผิวกระชับ)
ผลลัพธ์หลังทำ Venus Legacy
- ช่วยให้ผิวเรียบ ไม่เป็นคลื่น
- อาการหลังดูดไขมันดีขึ้น
- สลายก้อนแข็งใต้ผิว ลดพังผืด
- ลดอาการเจ็บ หลังดูดไขมันแขน
- ลดอาการช้ำ อาการบวม
- กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง
- ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ (นวดสลายไขมัน)

รีวิวดูดไขมันต้นแขน เพียบ!
เรามีรีวิวดูดไขมันต้นแขนเยอะที่สุด เรามีรีวิวดูดไขมันแขนที่หลากหลาย คือไม่ว่าคุณจะเป็นคนตัวเล็ก แต่ต้นแขนใหญ่ หรือคนอวบ หรือแม้แต่เป็นเคสไซซ์ใหญ่มาก เราก็มีรีวิวดูดไขมันต้นแขน ของเคสที่มีรูปร่างและสัดส่วนคล้าย ๆ กับคุณ ทำให้คุณสามารถชมภาพผลลัพธ์ดูดไขมันแขน รีวิวจากคนไข้ของ Amara Clinic เพื่อเปรียบเทียบได้ว่า หลังดูดไขมันแขนออกมาแล้ว ต้นแขนของเราจะเล็กลงประมาณไหน ซึ่งเรามีรีวิวดูดไขมันต้นแขนจากคนไข้จริง ทั้งแบบภาพนิ่ง แชร์ประสบการณ์ดูดไขมัน และคลิป วิดีโอ สามารถเลือกชมตามความต้องการได้เลย
เลือกชมตามความสนใจ ที่นี่
แพทย์ประจำคลินิก
สรุป
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าต้นแขนของเราใหญ่เพราะอะไร และเคสแบบให้เหมาะแก่การดูดไขมันต้นแขน ก่อนตัดสินใจจะดูดไขมันต้นแขนที่ไหนดี อย่าลืมพิจารณาคลินิกดูดไขมันจากปัจจัยต่าง ๆ ตามที่ได้แนะนำไป เพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม มีต้นแขนเรียว ๆ สวมเสื้อแขนกุดอวดต้นแขนได้อย่างมั่นใจ และไม่มีปัญหาหลังทำ
ใครที่มีปัญหาต้นแขนใหญ่ การดูดไขมันแขน ดีแน่นอนครับ! แต่ถ้าอยากรู้ว่าดูดไขมันต้นแขนได้หรือไม่ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแกับหมอก่อนนะครับ (ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย) เพื่อประเมินการรักษาอย่างตรงจุดและเหมาะสม ส่วนราคาก็จะเริ่มต้นที่ 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของแต่ละเคสครับ (เดี๋ยวหมอจะดูให้นะครับ) สามารถดูรีวิวดูดไขมันแขนแบบจัดเต็ม และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic