คนที่มองหาวิธีลดหน้าท้อง ลดต้นขา หรือกำจัดไขมันส่วนเกินอยู่ อาจจะเห็นการดูดไขมันแบบผ่านตามาบ้างนะครับ วันนี้หมอไอซ์ Amara Clinic จะมาช่วยกระจ่างข้อข้องใจให้อ่านกัน ว่าการดูดไขมันคืออะไร? ดูดไขมันดีไหม? ช่วยอะไรเราได้บ้าง? ลดไขมันได้เยอะแค่ไหน? ปลอดภัยจริงไหม? และแน่นอนครับว่าหมอจะมีภาพรีวิวดูดไขมันให้ชมด้วยเช่นกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ ได้ที่นี่เลยค่ะ
การดูดไขมันคืออะไร ?
การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การศัลยกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยกำจัดปัญหาไขมันส่วนเกิน ได้อย่างตรงจุด เช่นไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา, เอว หรือเหนียง เป็นต้น การดูดไขมัน ยังนับว่าเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนรูปแบบหนึ่ง ที่มีความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนมากหลังทำ
อ่านเพิ่มเติม : ประวัติศาสตร์การดูดไขมัน
แม้การดูดไขมันจะทำให้มีสัดส่วนที่เล็กลง และมีรูปร่างที่ผอมลง แต่ก็ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างที่หลาย ๆ คนคิดนะครับ การดูดไขมันในปัจจุบันมีความเสี่ยง และมีความอันตรายน้อยมาก หากเราเลือกคลินิกดูดไขมันที่ได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ และมีวิสัญญีแพทย์ คอยเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่อง (สำหรับการดูดไขมันแบบวางยาสลบ) สำหรับใครที่อยากรู้วิธีเลือกคลินิกแบบปลอดภัยได้มาตรฐาน
การดูดไขมัน ช่วยอะไรได้บ้าง?
ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการกินอย่างมากเลยนะครับ ของอร่อยก็เยอะมากเช่นกัน แต่เมื่อเรากินเยอะขึ้น ก็จะอ้วนขึ้นแบบไม่รู้ตัว แถมยิ่งอายุเพิ่มขึ้น การเผาผลาญก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ก็ทำให้เรามีปัญหาส่วนเกิน และความอ้วนเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะการดูดไขมัน สามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุดครับ!
เพราะการดูดไขมัน (อาทิ การดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมันเหนียง, ดูดไขมันต้นแขน, ดูดไขมันเอวเอส หรือ ดูดไขมันต้นขา เป็นต้น) จะช่วยกำจัดส่วนเกิน ที่สะสมอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา และทำให้สัดส่วนเล็กลง ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น โดยการอาศัยเครื่องดูดไขมันต่าง ๆ เข้าช่วยในการสลายไขมัน ซึ่งเราสามารถดูดไขมันยาชาก็ได้ หรือจะดูดไขมันวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำตามความเหมาะสมของแต่ละเคสครับ

ดูดไขมันส่วนไหนออกได้บ้าง?
ในร่างกายของเรา จะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
- ไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ
- ไขมันในหลอดเลือด
แต่ไขมันบริเวณหน้าท้อง จะแบ่งแบบที่เห็นได้ชัดเจนได้ 2 แบบครับ คือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง ซึ่งคนอ้วนส่วนใหญ่ มักจะมีการสะสมของไขมันทั้งสองชนิดนี้

สำหรับ ส่วนที่เราสามารถดูดไขมันออกมาได้ คือไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น ซึ่งไขมันในชั้นผิวหนังนี้ จะส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราเป็นหลักเลยครับ พูดง่าย ๆ คือเป็นตัวการที่ทำให้เราอ้วนขึ้นหรือผอมลงนั่นเอง ส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ มาก-น้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ปริมาณของไขมันในแต่ละตำแหน่ง ของแต่ละคน จะส่งผลต่อผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้องที่ได้ด้วยเช่นกันครับ
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
- สามารถดูดไขมันออกได้
- ไม่ส่งผลต่อสุขภาพ
- ไม่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
- ส่งผลต่อความสวยงาม
- ทำให้รูปร่างดูใหญ่ขึ้น
ไขมันในช่องท้อง
- ไม่สามารถดูดออกได้
- ส่งผลต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรค
- ไม่ค่อยส่งผลกับความสวยงาม
- หากต้องการลด ต้องออกกำลังกาย ปรับพฤติกรรมการกิน หรือสร้างการเผาผลาญจากภายใน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ACCUtite เทคโนโลยียกกระชับผิว คืนผิวเด็ก พร้อมสลายไขมันในหนึ่งเดียว
- Ultraformer III ยกกระชับ ลดริ้วรอย ลดอายุ
- ดูดไขมันแบบวางยาสลบ ปลอดภัยจริงไหม?

วิธีเช็คว่าเรามีไขมันเยอะแค่ไหน
วิธีตรวจเช็คว่า เรามีไขมันสะสมที่ใต้ชั้นผิวหนังจริงไหม? หรือจริง ๆ แล้ว สัดส่วนไม่ได้ใหญ่เพราะไขมัน แต่เป็นกล้ามเนื้อและสภาพผิวย้วยแทน ซึ่งเราสามารถเช็คได้ว่า เราเหมาะสมกับการดูดไขมันหรือไม่ โดยการทดสอบว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เยอะพอที่จะเหมาะสมกับการไปดูดไขมันรึเปล่า? โดยจะมีทั้งการเช็คด้วยตัวเอง ใช้เครื่องมือ และการไปเช็คที่โรงพยาบาล
- การเช็คไขมันง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยการทำ Pinch Test หรือการใช้มือของเรา บีบหยิบไขมันในส่วนที่เรามีความกังวล เช่นไขมันหน้าท้อง ถ้าบีบขึ้นมาแล้วหนา ยิ่งหนาเท่าไหร่ ก็แปลว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะเท่านั้น
- ใช้ที่วัดไขมัน หรือเครื่องวัดไขมัน อย่าง Body Fat ซึ่งเป็นเครื่องที่เรามักจะเห็นอยู่ตามฟิตเนสบ่อย ๆ หรือขายตามแอปช้อปปิ้งออนไลน์ต่าง ๆ แต่ละรุ่นก็จะมีความแม่นยำและราคาที่ต่างกัน
- ใช้ที่วัดไขมัน หรือที่หนีบไขมัน Fat Caliper (คาลิปเปอร์วัดไขมัน) เพื่อหนีบแล้วดูว่า ไขมันที่ทำให้เราดูอ้วนขึ้น เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังรึเปล่า หรือเป็นไขมันในช่องท้องกันแน่ ถ้าหนีบแล้วหนา ก็แปลว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะ สามารถเข้ามาพบแพทย์ เพื่อประเมินการดูดไขมันได้
- การอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูว่าชั้นไขมันของเรามีความหนาขนาดไหน

การดูดไขมัน เหมาะกับใครบ้าง ?
- คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
- คนที่มีปัญหาสัดส่วนไม่เท่ากัน
- คนที่ออกกำลังกายแล้ว ไขมันไม่ลด
- คนที่อยากให้สัดส่วนลดลงทันที
- คนที่ไม่สะดวกออกกำลังกาย
- คนที่อยากเพิ่มความเป๊ะ ให้รูปร่าง

ใครไม่ควรดูดไขมันบ้าง ?
การดูดไขมัน ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคนไข้ และการประเมินของแพทย์ควบคู่กันไปครับ ซึ่งคนที่ไม่ควรดูดไขมัน หรือดูดไขมันแล้วมีความเสี่ยงคือ คนที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ, โรคเส้นเลือดสมอง, โรคแพ้ภูมิตัวเอง, โรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้, โรคไทรอยด์ที่ยังควบคุมระดับไม่ได้
และอีกกรณีหนึ่งคือ เคสที่มีผิวย้วยมาก ในกรณีอาจจะต้องใช้วิธีผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck) หรือยกกระชับสัดส่วนด้วยพลังความร้อนสูง ๆ อย่าง J Plasma ควบคู่ไปกับการดูดไขมันแทนได้ครับ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
สำหรับคนไข้ที่มีผิวย้วย หรือหย่อนคล้อย (แต่ไม่มากถึงกับต้องใช้วิธีการผ่าตัดหนังหน้าท้อง) เช่น คุณแม่หลังคลอด หรือ คนที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว สามารถรักษาผิวหย่อนคล้อยได้ด้วย J Plasma (เจ พลาสมา) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการปรับรูปร่าง และทาง Amara Clinic ยังเป็นคลินิกที่มีเคสเยอะที่สุดในทวีปเอเชียอีกด้วยครับ
อ่านเรื่องเพิ่มเติมได้ที่ >> J Plasmaคืออะไร ?
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 4 STEPS เหลาหุ่นสวย ที่ AMARA CLINIC
- ดูดไขมันหน้าท้อง เจ็บน้อย พักฟื้นไว รีวิวเยอะ ราคาดี
- จัดการถุงใต้ตาบวม เสมือนไร้แผลด้วย ACCUtite
ดูดไขมัน มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง?
การดูดไขมัน (Liposuction) มีข้อดีมากมาย เห็นได้จากรีวิวดูดไขมัน หรือผลลัพธ์หลังดูดไขมันต่าง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย การดูดไขมันถือเป็นการผ่าตัด ที่ต้องระมัดระวังในการเลือกคลินิกให้ดี ไม่เน้นราคาถูก แต่ควรเน้นที่มาตรฐาน และความปลอดภัยเป็นหลักนะครับ
ข้อดีของการดูดไขมัน
- สัดส่วนเล็กลงในทันที
- ลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ดี
- ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกัน
- ช่วยลดขนาด Size เสื้อผ้าลง
- ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ
- ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกขึ้น
- ช่วยให้แต่งตัวง่ายขึ้น ใส่ชุดไหนก็ดูดี
- แผลขนาดเล็ก ไม่เป็นคีลอยด์
- ช่วยให้หุ่นเป๊ะขึ้นกว่าเดิม
- เอาไขมันไปเติมส่วนที่ขาดได้ (เครื่อง body-jet)
ข้อเสียของการดูดไขมัน
- ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น
- อาจรู้สึกเจ็บ ระหว่างดูดไขมันได้
- มีอาการเจ็บ บวมช้ำ หลังดูดไขมัน
- ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
- มีโอกาสที่เกิดผิวจะไม่เรียบได้*
- อาจเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย*
ผลลัพธ์ดูดไขมัน ขึ้นกับรายละเอียดของแต่ละเคส เช่น สภาพร่างกาย, วิธีการรักษา (ดูดไขมันเพียงอย่างเดียว หรือยกกระชับสัดส่วนร่วมด้วย), ปริมาณไขมัน, เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้, ฝีมือแพทย์, เทคนิคของแพทย์, มาตรฐานของคลินิก ความปลอดเชื้อของห้องผ่าตัด, การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน รวมไปถึงการเข้ามาติดตามอาการ ทำ After Care ที่คลินิก เป็นต้นครับ
ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?
ดูดไขมัน ≠ ลดน้ำหนัก
การดูดไขมัน มีเป้าหมายคือการทำให้สัดส่วนเล็กลง เพื่อความสวยงามเท่านั้น ไม่มีเป้าหมายว่าจะทำให้น้ำหนักลดลง แต่อย่างใด อย่างที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยเข้าใจผิดมาก่อน และสงสัยมาเสมอว่า “ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?” แล้วเพราะอะไรกันล่ะ? ทั้ง ๆ ที่ดูดไขมันออกไปเยอะมาก แต่น้ำหนักแทบไม่ลดลงเลย?

คำตอบคือ เพราะน้ำหนักของมวลไขมันและกล้ามเนื้อ ไม่เท่ากันนั่นเอง! แม้จะมีขนาดใหญ่เท่ากัน แต่มีน้ำหนักที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล้ามเนื้อจะหนักมาก ส่วนไขมันจะมีน้ำหนักเบามาก ทำให้การดูดไขมัน ไม่ได้ส่งผลต่อน้ำหนักครับ แต่ในบางเคส เช่น เคสที่ดูดไขมันทั้งตัว หรือเคสที่ดูดไขมันหลายตำแหน่ง และมีปริมาณไขมันมาก การดูดไขมันก็อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้ครับ
แนะนำคนที่อยากลดน้ำหนัก
หากต้องการลดน้ำหนัก แนะนำให้ควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมการกิน พร้อมทั้งออกกำลังกาย เพื่อสร้างการเผาผลาญไขมันส่วนเกินครับ แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือใจไม่แข็งพอที่จะปรับการกิน ก็สามารถใช้ตัวช่วยอย่าง Amara Pen (ปากกาลดน้ำหนัก พร้อมปรับพฤติกรรมการกิน) ได้ ซึ่งตัวนี้ก็จะช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยไม่ต้องอดอาหาร ปลอดภัยแน่นอนครับ หมอดูแลใกล้ชิดทุกเคส หากสนใจ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่บทความ : ปากกาลดน้ำหนัก
ดูดไขมันอันตรายไหม?
ดูดไขมันอันตรายหรือไม่? ต้องบอกว่าในสมัยก่อน การดูดไขมันอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือดูดไขมันแล้วตายได้ เพราะยังไม่มีการใช้ Tumescent ในการลดความเจ็บปวด, ยังไม่มีการใช้เครื่องดูดไขมันที่ดี, ไม่มีเทคนิคดูดไขมัน, ไม่มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ, ไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน และยังไม่มีการวางยาสลบที่ปลอดภัยอย่างในปัจจุบันครับ
ซึ่งในสมัยก่อนแพทย์จะใช้แค่ไซริงค์ในการดูดไขมัน อาศัยแรงมือกระทุ้งเข็มเข้าไปแรง ๆ เพื่อให้ไขมันแตกตัว จึงทำให้เสียเลือดมาก มีความเจ็บมาก ยิ่งใช้เวลานาน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ไขข้อข้องใจ เรื่องความปลอดภัยในการดูดไขมัน กับบทความ ดูดไขมันอันตรายไหม ?เรื่องน่ารู้ของ ‘การดูดไขมัน’ กับ ประวัติศาสตร์การดูดไขมัน
ทำความรู้จัก 'Tumescent'
Tumescent คืออะไร?
Tumescent คือ สิ่งที่ช่วยให้ดูดไขมันได้ง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ลงได้ เมื่อเทียบกับในสมัยก่อน โดย Tumescent จะประกอบไปด้วย ยาชา, น้ำเกลือ, ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว หรือที่เรารู้จักในชื่อ Adrenaline, ตัวยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก
หลังจากที่ใส่ Tumescent แล้ว ช่องว่างในชั้นไขมันจะเพิ่มขึ้น เส้นเลือดหดตัวลง และทำให้เส้นเลือดกับเส้นประสาท ลอยอยู่ในน้ำ จึงช่วยลดความเสี่ยงโดนเข็มดูดไขมันลงได้ครับ
ข้อดีของการใช้ Tumescent
การใส่ Tumescent จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บระหว่างดูดไขมัน, ช่วยให้เสียเลือดน้อยลง, ลดโอกาสที่จะเกิด Fat embolism (ภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดขณะดูดไขมัน) ได้ จึงทำให้ในปัจจุบันมีอันตรายจากการดูดไขมัน ลดน้อยลงกว่าสมัยก่อนมาก จนไม่มีการดูดไขมันเสียชีวิตด้วยสาเหตุข้างต้นเลย (ส่วนใหญ่ดูดไขมันแล้วตาย เพราะคลินิกไม่มีวิสัญญีแพทย์ ไม่มีเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉิน และไม่มีมาตรฐาน) แต่ก็ใช่ว่าจะดูดไขมันที่ไหนก็ได้ เพราะต้องเช็คข้อมูลให้ดี ก่อนตัดสินใจ!

ดูดไขมันตำแหน่งไหนได้บ้าง?
การดูดไขมัน สามารถทำได้เกือบทุกบริเวณ ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ที่ใต้ผิวหนัง ตั้งแต่การดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมันแผ่นหลัง, ดูดไขมันต้นขา, ดูดไขมันสะโพก, ดูดไขมันก้น, ดูดไขมันต้นแขน, ดูดไขมันเหนียง, ดูดไขมันน่อง, ดูดไขมันปีกหลัง, ดูดไขมัน Sexy Line รวมไปการดูดไขมันข้อเท้า ก็สามารถดูดไขมันออกมา เพื่อให้มีความเรียวเล็กเซ็กซี่ได้เช่นกัน
และสำหรับคนที่อยากลดไซซ์สัดส่วนทั้งตัวในครั้งเดียว ก็สามารถดูดไขมันทั้งตัวได้ ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะมีแผลดูดไขมันที่แตกต่างกันไปครับ สำหรับใครอยากรู้ว่าแผลดูดไขมันเป็นอย่างไร ใหญ่แค่ไหน รักษายังไง กี่วันหาย? ลองอ่านบทความนี้เพิ่มเติมได้เลยครับ : แผลดูดไขมัน
ดูดไขมันแก้ม / ดูดไขมันเหนียง
ใครที่มีปัญหาแก้มเยอะ หน้าดูกลม หรือเหนียงยาน ก้มหน้าไม่สุด ต้องบริเวณแก้มและเหนียง เป็นตำแหน่งที่คนมักจะเป็นกังวลจริง ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเหล่านี้ มักจะไปลดด้วยวิธีอื่นก่อนค่อยมาดูดไขมันแก้ม หรือดูดไขมันเหนียงออกไป อย่างการฉีดสลายไขมัน เป็นต้น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังเจ็บฟรี และเสียเงินเปล่าอีกด้วย เลยทำให้ใครหลายคนมาจบด้วยการดูดไขมัน
แต่หมอต้องบอกว่าบริเวณใบหน้า เป็นตำแหน่งที่มีเส้นประสาท และเส้นเลือดอยู่เยอะมาก ระหว่างดูดไขมันแพทย์จึงต้องมีความระมัดระวังสูง แนะนำให้ดูดไขมันแก้มและดูดไขมันเหนียง กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เท่านั้น
นอกจากนี้ คนที่ดูดไขมันเหนียง มักจะมีปัญหาเรื่องของผิวหย่อนคล้อยด้วย หากต้องการให้เหนียงหาย และเห็นผลชัด มีกรอบหน้าที่สวย อาจจะต้องการยกกระชับสัดส่วนเพิ่มเติม ถ้าเป็นเคสที่ย้วยมาก แนะนำให้กระชับเหนียง ด้วยเครื่องยกกระชับโดยเฉพาะ อย่างเครื่อง J Plasma ส่วนใครที่มีปัญหาผิวย้วยน้อย การนวดกระชับสัดส่วน (นวด rf) หลังดูดไขมันก็ช่วยได้
ดูดไขมันต้นแขน
การดูดไขมันต้นแขน ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีต้นแขนใหญ่ จะสามารถดูดไขมันต้นแขนได้ทุกคน เพราะเราต้องมาดูก่อนว่า ที่แขนใหญ่เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เช่น เกิดจากไขมันใต้ชั้นผิวหนัง, กล้ามเนื้อ หรือผิวที่หย่อนคล้อย (บริเวณท้องแขนยานลงมา) หากแพทย์ประเมินแล้วว่า แขนใหญ่เพราะไขมัน ก็สามารถดูดไขมันต้นแขนได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นเคสผู้หญิงที่มีปัญหานี้ ส่วนผู้ชายมักจะดูดไขมันต้นแขนไม่ได้ เนื่องจากต้นแขนใหญ่ เพราะกล้ามเนื้อครับ
ต้นแขน เป็นบริเวณที่ดูเหมือนจะดูดไขมันง่าย เพราะดูมีไขมันไม่เยอะ แต่จริง ๆ แล้ว เป็นตำแหน่งดูดไขมันที่ยาก ต้องใช้เทคนิค และประสบการณ์ของแพทย์เยอะ สำหรับคนตัวเล็ก มักจะมีไขมันตรงหลังแขน และด้านล่างท้องแขน เยื้องไปด้านข้าง สำหรับคนตัวใหญ่ มักจะมีไขมันรอบแขน จึงต้องดูดไขมันต้นแขนแบบ 360°
แต่ในบางเคสก็มีไขมันบริเวณหัวไหล่ด้วย Amara Clinic ก็จะแนะนำให้ใช้เทคนิคดูดไขมันต้นแขนเรียวหัวไหล่สวย เพราะถ้าหากดูดแต่ต้นแขน ไม่ดูดไขมันหัวไหล่ อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ ดูไม่สมส่วนกันเท่าไรนัก ทั้งนี้ เนื่องจากชั้นไขมันบริเวณต้นแขนมีความบาง จึงมีโอกาสที่จะเกิดผิวคลื่น และมีความบุ๋มสูง แนะนำให้ดูดไขมันกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญจริง ๆ ใช้เวลาในการดูดไขมันต้นแขนอย่างเต็มที่ และปราณีต ต้นแขนก็จะออกมาเรียวสวย และสมส่วนที่สุดครับ
ถ้าแขนใหญ่เพราะสาเหตุอื่น รักษาอย่างไร?
หลาย ๆ เคสที่มาดูดไขมันต้นแขน ก็จะมีปัญหาในเรื่องของผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย วิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เช่น คนที่มีไขมัน + ผิวย้วยมาก รักษาได้โดยการดูดไขมันต้นแขน และยกกระชับผิวด้วย J Plasma, คนที่มีไขมัน + ผิวย้วยเล็กน้อย รักษาได้โดยการดูดไขมันต้นแขน และนวดกระชับ RF, คนที่มีไขมัน + กล้ามใหญ่ รักษาโดยการดูดไขมัน และฉีดโบท็อกลดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ดูดไขมันนมน้อย

บริเวณนมน้อย เป็นอีกจุดหนึ่งที่สาว ๆ กังวลมาก ก่อนจะดูดไขมันนมน้อย ต้องมีการประเมินก่อนเช่นกันว่า นมน้อยที่เกิดขึ้น เกิดจากไขมันส่วนเกิน หรือเกิดจากเต้านมส่วนเกิน (ต่อมน้ำนมอีกต่อมหนึ่ง) ถ้านมน้อยเกิดจากไขมัน ก็สามารถดูดไขมันนมน้อยได้
แต่ในบางเคส อาจมีความหย่อนคล้อยร่วมด้วย ในเคสแบบนี้ แนะนำให้ทำการกระชับสัดส่วนร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันนมน้อย เห็นผลชัดมากขึ้นครับ สุดท้ายคือเคสที่มีเต้านมส่วนเกิน เกิดขึ้นบริเวณรักแร้ ในส่วนนี้หมออาจจะแนะนำให้ทำการผ่าตัดนมน้อย ( Accessory Breast Surgery) ไปเลยครับ
ดูดไขมันแผ่นหลัง
การดูดไขมันแผ่นหลัง หรือดูดไขมันหลัง เป็นตำแหน่งที่ดูดไขมันยากมากครับ เพราะบริเวณแผ่นหลังของเราจะมีไขมันไม่ได้เยอะ แต่มีพังผืดเยอะมาก เลยทำให้มีโอกาสเสียเลือดเยอะขึ้น และเป็นตำแหน่งที่ดูดไขมันแล้วเจ็บมาก หมอเลยจะแนะนำคนไข้ให้ดูดไขมันหลัง ด้วยวิธีวางยาสลบ มากกว่าการดูดไขมันแผ่นหลังด้วยยาชาครับ
ดูดไขมันหน้าท้อง
ดูดไขมันหน้าท้อง เป็นตำแหน่งยอดฮิตในการดูดไขมันมากครับ เพราะทั้งผู้หญิงและผู้ชายส่วนใหญ่ จะมีปัญหาไขมันสะสมหน้าท้อง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมาดูก่อนว่าในแต่ละเคส มีไขมันสะสมหน้าท้อง ส่วนใหญ่เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หรือไขมันในช่องท้องมากกว่ากันก่อนครับ
อีกทั้งยังต้องมาดูในส่วนของสภาพผิวด้วย ว่ามีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากน้อยแค่ไหน (โดยเฉพาะเคสคุณแม่หลังคลอด และเคสที่น้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างรวดเร็ว จะยิ่งมีผิวหย่อนคล้อนเยอะ) แล้วหมอจึงมาดูวิธีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละเคสครับ
ถ้าใครไหนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะกว่า ผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้องจะออกมาเห็นผลชัดกว่า หน้าท้องจะแบนราบสวย, แต่ถ้าเป็นเคสที่มีไขมันในช่องท้องเยอะกว่า หลังดูดไขมันหน้าท้องจะมีขนาดเล็กลงไม่มากนักนะครับ, ถ้าต้องการลดหน้าท้อง ที่ใหญ่เพราไขมันในช่องท้องนี้ จะต้องเพิ่มการเผาผลาญไขมันของร่างกายเอวครับ, ถ้ามีไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และมีปัญหาผิวย้วย หมออาจจะวางแผนรักษาด้วยการยกกระชับสัดส่วนร่วมด้วย นอกจากนี้การดูดไขมันหน้าท้อง ยังสามารถใช้เทคนิคดูดไขมันเซ็กซี่ไลน์ เพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ได้ครับ
เทคนิคดูดไขมัน Sexy Line
การทำ Sexy Line หรือดูดไขมันเซ็กซี่ไลน์ คือ การทำแนวกล้ามหน้าท้อง ทำแนววีไลน์สำหรับผู้หญิง เพื่อให้มีความเซ็กซี่มากขึ้น การดูดไขมัน Sexy Line HiDef 4D 360° ที่ Amara Clinic หมอจะใช้เทคนิคเฉพาะตัว ช่วยให้คนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย มีแนวเซ็กซี่ไลน์แบบสามมิติ ดูสวยเป็นธรรมชาติ เหมือนของจริง ทั้งแสงและเงา สำหรับผู้ชาย ก็สามารถดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย และทำ Six Pack (ดูดไขมัน Six Pack) ได้ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดูดไขมัน Sexy Line)
เทคนิคดูดไขมันซ่อนแผล
ดูดไขมันที่ Amara Clinic ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง, ดูดไขมัน Sexy Line หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็จะมีการใช้เทคนิคซ่อนแผลร่วมด้วย แผลเล็กเพียง 4 mm (0.4 cm) เท่านั้น ซึ่งหมอจะเริ่มจากเปิดแผลดูดไขมันขนาดเล็ก โดยการเปิดตำแหน่งแผลดูดไขมันในบริเวณใต้ร่มผ้า ตรงขอบบิกินี เวลาใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดบิกินี ก็จะมองไม่เห็นแผลใด ๆ เลยครับ การดูดไขมันหน้าท้อง จะมีแผลดูดไขมัน 5 ตำแหน่ง คือสะดือ, ใต้ขอบบรา ซ้ายและขวา และขอบกางเกงชั้นใน ซ้ายและขวา

แผลดูดไขมัน เล็กเพียง 4 mm เท่านั้น
ดูดไขมันเอวเอส (เอวคอด)
การดูดไขมันเอวเอส หรือดูดไขมันเอวคอด คือการดูดไขมันตั้งแต่ช่วงเอวด้านหน้า ไปจนถึงเหนือสะโพก ให้มีความบางและเพรียวมากที่สุดครับ ซึ่งการดูดไขมันเอวคอดที่ Amara Clinic จะใช้เทคนิคเอวเอส 360° เพื่อให้รูปร่างมี S Curve แบบธรรมชาติ หุ่นดูสวย มีส่วนเว้าส่วนโค้งขึ้นมาทันที
เพื่อให้เอวเราสวยทุกมุม จึงต้องดูดไขมันเอวเอสแบบรอบด้าน ที่ต้องอาศัยแพทย์ที่เข้าใจในเรื่องของการออกแบบสัดส่วนด้วยนะครับ อย่างหมอก็จะมีการดีไซน์ช่วงเอว ให้เหมาะสมกับก้นและแผ่นหลัง คือการเลือกจุดคอดของเอวที่เหมาะสม ดูดไขมันในปริมาณที่พอดี เหลือไขมันบริเวณเหนือก้นไว้บ้าง เพื่อให้บริเวณนี้มีเคิร์พขึ้นมา ดูเป็นธรรมชาติ และเพิ่มเสน่ห์ให้ช่วงเอวครับ
ดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขานั้น ก่อนอื่นเลยต้องมาให้หมอประเมินว่า สาเหตุที่ทำให้ต้นขาเราใหญ่คืออะไร? เป็นเพราะกล้ามเนื้อขา, ไขมันที่แทรกในกล้ามเนื้อ หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ถ้าต้นขาใหญ่ เพราะไขมันสะสมที่ต้นขา ก็มักจะมีปัญหาที่ต้นขาด้านใน และต้นขาด้านนอก สามารถดูดไขมันต้นขา เพื่อให้ต้นขาเล็กลงได้ แต่ในบางเคสก็อาจมีไขมันบริเวณหน้าขา, ใต้ก้น หรือหัวเข่าร่วมด้วย
ซึ่งหลัก ๆ แล้ว การดูดไขมันต้นขาที่ Amara Clinic จะแบ่งเป็นดูดไขมันต้นขาด้านใน และดูดไขมันต้นขาด้านนอก (ดูดไขมันต้นขานอก ร่วมกับการดูดไขมันสะโพก) ครับ ส่วนการดูดไขมันหัวเข่า จะเป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา ตามแต่ละเคส
เทคนิคการดูดไขมันต้นขา ให้เป็นขาตะเกียบ คือการดีไซน์ออกแบบรูปทรงของขา แพทย์ต้องรู้ว่าลักษณะขาของคนไข้เป็นอย่างไร ต้องดีไซน์ออกมาเป็นแบบใด ต้องดูดไขมันต้นขาในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าดูดมากเกินไปมีโอกาสที่ขาจะเว้าแหว่งได้ ถ้าดูดน้อยเกินไปจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ในบางเคสหากแพทย์ดูดไขมันต้นขาถูกจุด ก็จะช่วยเสริมให้ก้นเป็นทรงสวยได้อีกด้วยนะครับ
ดูดไขมันน่อง
จริง ๆ แล้ว คนส่วนใหญ่มีน่องใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ เพราะบริเวณน่องจะประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อถึง 80-90% มีส่วนน้อยที่จะเป็นไขมันส่วนเกิน ทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ตั้งใจจะมาดูดไขมันน่อง ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา เป็นการฉีดลดกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกแทนครับ (ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์)
ดูดไขมันข้อเท้า
การดูดไขมันข้อเท้า เป็นส่วนที่หลาย ๆ คนคงคิดไม่ถึงว่าสามารถดูดไขมันได้ มีบางเคสที่มีปัญหาไขมันสะสมที่ข้อเท้าเยอะ ทำให้ข้อเท้าดูบวมอ้วน ไม่สวยงามก็มีนะครับ ซึ่งการดูดไขมันข้อเท้า เป็นตำแหน่งที่ทำการดูดไขมันได้ยาก เพราะมีชั้นไขมันที่บาง และต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการดูดไขมันครับ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังดูดไขมันข้อเท้าคือ เสริมต้นขามีความเรียวสวยมากขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบใส่รองเท้าเปิดส้น หรือใส่ส้นสูงออกงานเป็นประจำ
ดูดไขมันทั้งตัว

บางคนก็บอกว่าดูดไขมันทั้งตัวได้ในครั้งเดียว บางคนก็บอกว่าดูดไขมันทั้งตัวในครั้งเดียวไม่ได้ เพราะอันตราย ในเรื่องนี้ ความจริงนั้น ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว เพราะความอันตรายของการดูดไขมันจะขึ้นอยู่กับสองสิ่งนี้ คือ 1. ปริมาณของไขมันที่ดูดออกมา และ 2. ปริมาณของยาชาที่ใช้ เกินจากกำหนดหรือไม่
Mega Liposuction คือการดูดในมันในปริมาณมากในครั้งเดียว คือมากกว่า 5,000 – 7,000 CC หรือในบางที่อาจใช้วิธีการคำนวณที่แตกต่างออกไป อย่างการนำ น้ำหนักคนไข้ x 100 ก็จะเท่ากับปริมาณไขมันที่คนไข้สามารถดูดออกมาได้ในหนึ่งครั้ง ถ้าดูดไขมันเกิน Mega liposuction แนะนำให้นอนแอดมิท เพื่อติดตามอาการหลังดูดไขมัน
ดูดไขมันทั้งตัวในเคสคนตัวเล็ก มีปริมาณไขมันไม่เยอะ เช่น ได้ปริมาณไขมันประมาณ 3,000 CC และมีการใช้ยาชาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินจากที่กำหนดไว้ ก็จะไม่มีความอันตรายใด ๆ ส่วนการดูดไขมันทั้งตัวในเคสคนตัวใหญ่ ดูดไขมันออกมา 10,000 CC ก็อาจจะอันตรายได้ เพราะต้องใช้เวลานาน อาจใช้ยาชาเกินกำหนด จึงมีการแบ่งดูดไขมันทั้งตัวเป็นสองครั้งในบางเคส แต่ถ้าดูดไขมันทั้งตัวแบบวางยาสลบ ก็จะทำให้ใช้ยาชาในปริมาณที่เหมาะสม ในจุดนี้ก็จะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ครับ
ดูดไขมันผู้ชาย ทำได้ไหม?

หนุ่ม ๆ หลายคนก็มีปัญหาไขมันสะสม ไม่ต่างกับสาว ๆ เลย ดูดไขมันผู้ชายสามารถทำได้ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย, การดูดไขมันต้นขา, การดูดไขมันเหนียง หรือการดูดไขมันต้นแขนเป็นต้น
แต่เคสดูดไขมันผู้ชาย มักมีปัญหาไขมันในช่องท้อง หรือกล้ามเนื้อ มากกว่าไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ในบางเคสจึงไม่สามารถดูดไขมันออกมาได้ครับ หมอก็จะแนะนำให้รักษาด้วยวิธีอื่นแทน เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน, การออกกำลังกาย, การฉีดลดกล้ามเนื้อ หรือในบางเคสก็อาจจะดูดไขมันผู้ชายควบคู่ไปด้วย
ขั้นตอนการดูดไขมัน
ขั้นตอนดูดไขมัน ของการดูดไขมันทุกตำแหน่งจะมีความคล้ายคลึงกัน แตกต่างกันเพียงขั้นตอนที่ 2 เท่านั้น จากทั้งหมด 3 ขั้นตอน ซึ่งก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจว่าโครงสร้างชั้นไขมันของคนเรา จะประกอบไปด้วย ไขมัน, พังผืด และเส้นเลือด เส้นประสาท ก่อนที่เราจะดูดไขมันได้ เราจึงต้องทำให้ชั้นไขมันใต้ผิวเราเอื้ออำนวย ต่อการสลายไขมันได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสที่จะกระทบต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทน้อยที่สุด

- การใส่ Tumescent เพื่อขยายพื้นที่ ลดความเจ็บ และทำให้เสียเลือดน้อยลง โดยการทำให้เส้นเลือด เส้นประสาท ลอยอยู่ในน้ำ จึงช่วยลดการกระทบจากเข็มดูดไขมันลงได้ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่)
- การแยกเซลล์ไขมัน ขั้นตอนนี้จะแตกต่างกันไปตามเครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้ เช่น การใช้เครื่องดูดไขมัน body-jet ก็จะใช้พลังงานน้ำฉีดเข้าไป เพื่อสลายเซลล์ไขมัน หรือการใช้เครื่องดูดไขมัน Vaser หรือ Ultraz ที่ใช้การสั่นของพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการสลายไขมัน เป็นต้น
- การดูดไขมันออกมาใส่ถังเก็บไขมัน หากเป็นเครื่องดูดไขมัน body-jet ก็จะมีถังสำหรับใส่ไขมันทิ้ง และถังสำหรับใส่ไขมันเพื่อนำไปเติมเต็มต่อ (ฉีดไขมัน)
เครื่องดูดไขมัน แตกต่างกันยังไงบ้าง?
ใครที่เพิ่งเข้าวงการดูดไขมัน คงจะสงสัยว่าทำไมมีเครื่องดูดไขมันเยอะจัง? เครื่องดูดไขมันแต่ละเครื่อง มีความแตกต่างกันตรงไหน? แล้วตัวเราล่ะ เหมาะกับเครื่องดูดไขมันเครื่องไหนกันแน่? สมัยก่อนก็จะมีแค่การดูดไขมันด้วยแรงมือแพทย์ ไม่มีการใช้เครื่องใด ๆ แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีวงการดูดไขมันก็ก้าวไกลขึ้น มีการนำพลังงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยสลายไขมัน ลองไปทำความรู้จักเครื่องดูดไขมันกันดีกว่า ว่าเครื่องแต่ละเครื่องมีข้อดี ข้อเสีย ยังไงบ้าง!

Water Jet Assisted Liposuction
การดูดไขมันแบบ Water Jet Assisted Liposuction คือการดูดไขมันด้วยพลังน้ำ ซึ่งเครื่องที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือ เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet (บอดี้เจ็ท) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน

สำหรับ Water Jet คือ การใช้พลังงานน้ำ ฉีดพ่นเข้าไปในรูปแบบใบพัด (Fan Shape) เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว (ไม่ใช่การทำลาย) ไขมันจะแยกตัวออกจากกัน โดยที่ทำให้เกิดความเจ็บระหว่างดูดไขมันน้อยมากครับ เสียเลือดน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถนำเซลล์ไขมันที่ได้ ไปเติมเต็มบริเวณอื่นของร่างกายได้ด้วย (การฉีดไขมัน) เพราะไขมันถูกสลายอย่างอ่อนโยน ทำให้เซลล์ไขมันไม่ตาย และมีประสิทธิภาพสูง
ข้อดีของเครื่อง body-jet
- เจ็บน้อย และเสียเลือดน้อย
- มีความเจ็บหลังดูดไขมันน้อย
- ใช้เวลาพักฟื้นเร็วมาก (ส่วนใหญ่ไม่ต้องพักฟื้น)
- มีอาการหลังดูดไขมันน้อย
- มีความบวมช้ำ ฟกช้ำน้อย
- ผิวเรียบ ไม่เป็นคลื่นบุ๋ม
- สามารถไขมันไปเติมต่อได้
ข้อเสียของเครื่อง body-jet
- ใช้เวลาสลายไขมันนานกว่าเครื่องอื่น ๆ เล็กน้อย
- ยังไม่เห็นผลชัดทันทีหลังทำ เพราะมีความบวมน้ำใต้ผิว
- สัดส่วนจะเริ่มเข้าที่หลังดูดไขมัน ประมาณ 6 สัปดาห์
- ช่วงวันแรก ๆ หลังดูดไขมัน จะมีน้ำไหลออกจากแผลเยอะ อาจทำให้เตียง และเสื้อผ้าเปื้อนได้
สนใจเติมไขมัน ด้วยเครื่อง body-jet
การเติมไขมันไม่เป็นอันตรายใด ๆ ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ไม่แพ้แน่นอน! สำหรับเคสที่จะดูดไขมัน เพื่อเอาไขมันไปเติมต่อ จะต้องดูดไขมันพลังน้ำเท่านั้น ถ้าใช้เครื่องดูดไขมันเครื่องอื่น ไขมันอาจตายได้ ก็เหมือนกับการเติมน้ำมันเข้าไป ไม่นานน้ำมันก็ถูกดูดซึมหายไปจนหมด (หนึ่งในเหตุผลว่าทำไม บางคนไปฉีดไขมันมาแล้วไม่ได้ผล) เครื่อง body-jet จะมีการใช้ถังเก็บไขมันสำหรับฉีดไขมัน และสำหรับดูดทิ้งที่แตกต่างกัน เพื่อประสิทธิภาพของเซลล์ไขมัน จึงต้องเก็บในถังสุญญากาศที่ปลอดเชื้อที่สุดครับ

บริเวณที่เติมไขมันได้
- เติมไขมันหน้าเด็ก
- เติมไขมันหน้าอก (เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง)
- ฉีดไขมันก้นเด้ง
- เติมไขมันสะโพก
- เติมไขมันมือเด็ก
- เติมไขมันน้องสาว
เราคือ อันดับ 1 ด้านดูดไขมันพลังน้ำ
Amara Clinic เรามีเคสดูดไขมันพลังน้ำ เยอะที่สุดในประเทศไทย การันตีด้วยรางวัล The Most body-jet Users ที่สำคัญคือ เราเป็นศูนย์การสอนดูดไขมัน เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมัน body-jet (body-jet Education Center) ที่มีอาจารย์แพทย์สอนดูดไขมัน-เติมไขมัน (คุณหมอไอซ์ และคุณหมอมะปราง) โดยตรง หากมีคลินิกดูดไขมันที่ไหน จะดูดไขมันด้วยเครื่อง body-jet จะต้องเข้ามาเรียนกับคุณหมอไอซ์ และคุณหมอมะปรางก่อน

Ultrasonic Assisted Liposuction
เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) มาช่วยในการทำลายเซลล์ไขมัน คือเครื่องดูดไขมันVaser Smooth 2.2 และ เครื่องดูดไขมัน Ultra Z วิธีการทำงานคือ ปล่อยพลังคลื่นเสียงออกมา และเมื่อพลังงานความร้อนสูงพอ ไขมันก็จะแตกตัวออกจากภายใน และกลายเป็นน้ำมันครับ
เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันทิ้ง, เคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย, เคสดูดไขมันผู้ชาย, เคสคนที่มีสัดส่วนใหญ่ ไขมันเยอะ หรือเป็นเคสที่เคยดูดไขมันมาแล้ว เกิดพังผืดเยอะ เป็นต้น แนะนำว่าต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผิวไหม้ได้ลงนะครับ
ข้อดีของเครื่องดูดไขมันอัลตร้าซาวด์
- ใช้เวลาดูดไขมันไม่นาน
- สลายไขมันได้อย่างรวดเร็ว
- ดูดไขมันได้เยอะ ในครั้งเดียว
- เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำชัดเจน
ข้อเสียของเครื่องดูดไขมันอัลตร้าซาวด์
- รู้สึกเจ็บ ระหว่างดูดไขมันยาชา
- บวม ระบม ฟกช้ำ มากกว่าเครื่องพลังน้ำ
- หลังดูดไขมันจะมีอาการเจ็บได้บ้าง
- ไม่สามารถเอาไขมันไปเติมได้
- มีโอกาสเกิดก้อนแข็งใต้ผิวได้
- ใช้เวลาในการพักฟื้นหลายวัน

Power Assisted Liposuction
การดูดไขมันด้วยพลังงานกล (PAL : Power Assisted Liposuction) จะไม่มีการใช้พลังงานความร้อน หรือพลังงานเข้ามาช่วย ลักษณะของการสลายไขมัน จะคล้ายกับ Manual Liposuction เพียงแต่การดูดไขมันพลังงานกล จะเป็นเครื่องมือ ก็จะช่วยเบาแรงแพทย์ได้ วิธีการทำงานคือ การเพิ่มความถี่ของการขยับเข็มดูดไขมัน จนทำให้ไขมันแตกตัวออกจากกันครับ

RF Assisted Liposuction
การดูดไขมันด้วยพลังคลื่นความถี่วิทยุ (RF : Redio Frequency) ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดไขมัน Body Tite (บอดี้ไทด์) เป็นการดูดไขมันด้วยท่อที่มีแรงดูดสุญญากาศ ซึ่งอยู่ในกลุ่มของการดูดไขมันแบบ Suction Assisted Liposuction แต่จะมีการใช้พลังงาน RF เข้ามาช่วยสร้างความร้อน และยกกระชับผิวได้ระดับหนึ่งเท่านั้นครับ

Laser Assisted Liposuction
การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser Diode Liposuction หรือ Laser-Assisted Liposuction) คือการนำเทคโนโลยีเลเซอร์ เข้ามาช่วยสลายไขมัน แต่พลังงานเลเซอร์จะผลิตความร้อนได้ค่อนข้างน้อย ที่ระดับอุณหภูมิ 40-60°C จึงทำให้ใช้เวลาในการดูดไขมันนาน แถมดูดไขมันได้น้อย เห็นผลช้า จึงไม่เป็นที่นิยมแล้วในปัจุบัน ซึ่งข้อดีของการดูดไขมันเลเซอร์คือมีความปลอดภัยสูง

Suction Assisted Liposuction
การดูดไขมันด้วยท่อธรรมดา (SAL : Suction Assisted Liposuction) ถูกพัฒนามาจากการดูดไขมันแบบ Manual Liposuction ด้วยแนวคิดที่ว่า ดูดไขมันยังไงให้ได้ปริมาณที่เยอะขึ้น ใช้เวลาน้อยลง ลดความเจ็บลง และเสียเลือดน้อยลง ในช่วงนี้เองที่มีการนำ Tumescent เข้ามาใช้ครับ จึงกลายเป็นการดูดไขมันแบบ SAL ระหว่างที่สลายไขมัน ไขมันที่ถูกสลายไปแล้วก็จะถูกดูดออกมาพร้อม ๆ กัน
แต่ในปัจจุบัน แพทย์ส่วนใหญ่จะไปใช้เครื่องดูดไขมันที่มีพลังงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยสลายไขมันมากกว่า เพราะการดูดไขมันแบบ SAL ก็ยังใช้เวลานานกว่า ดูดไขมันแล้วเจ็บกว่า และใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องดูดไขมันรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน อย่างเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet, Vaser Smooth 2.2 หรือ Ultra Z เป็นต้นครับ

Manual Liposuction
การดูดไขมันแบบดั้งเดิม หรือสมัยก่อน (Manual Liposuction หรือ Conventional Liposuction) เป็นการดูดไขมันที่ไม่ได้มีเครื่องมือมาช่วย ใช้เพียงแรงมือแพทย์ กระทุ้งไซริงค์เข้าไปที่ชั้นไขมัน และดูดไขมันออกมา การดูดไขมันวิธีนี้ ทำให้เกิดความเสียหายกับเส้นเลือด และเส้นประสาทเยอะ จึงทำให้เสียเลือดมาก มีความเจ็บมาก ใช้เวลาพักฟื้นนาน สำหรับการดูดไขมันในตำแหน่งที่มีปริมาณไขมันเยอะ การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ จึงเหมาะกับเคสดูดไขมันเหนียง หรือดูดไขมันน้อย ๆ สำหรับเอาไปฉีดไขมันหน้าเด็ก เป็นต้น

การดูดไขมันผิวไม่ย้วย ด้วย J Plasma
J Plasma (เจพลาสมา) เป็นเครื่องยกกระชับผิว กระชับสัดส่วน โดยเฉพาะ ไม่ใช่เครื่องดูดไขมันแต่อย่างใด เหมาะกับการใช้ควบคู่ไปกับการดูดไขมัน ซึ่งเครื่อง J Plasma เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิว ใหม่ล่าสุด และดีที่สุดจากอเมริกา มีมาตรฐานและราคาต้นทุนเครื่องค่อนข้างสูง จึงทำให้มีคลินิกดูดไขมันไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่มีเครื่องนี้ โดย Amara Clinic เรามีเคสยกกระชับสัดส่วน ด้วย J Plasma เยอะที่สุดในทวีปเอเชีย!
J Plasma จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังดูดไขมันชัดเจนมากขึ้น, ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น, ลดปัญหาผิวย้วย ผิวหย่อนคล้อนได้อย่างตรงจุด, ลดเวลาการใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน, ผิวกระชับเรียบตึงทันทีหลังทำ, ได้ผลลัพธ์ 80% ของการผ่าตัดหนังหน้าท้อง และสามารถทำได้หลายบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเลยครับ

ดูดไขมันที่ไทย VS ดูดไขมันเกาหลี!?

Amara Clinic ใช้เทคนิคเกาหลี แพทย์จบการดูดไขมัน เติมไขมัน ระดับสูง จากประเทศเกาหลีโดยตรง พร้อมนำเทคนิคต่าง ๆ มาใช้ รับรองว่าหุ่นสวย แผลสวย แน่นอน!!
ประเทศเกาหลี เป็นที่รู้จักกันมากเรื่องการศัลยกรรม ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่าถ้าอยากจะดูดไขมัน ก็ควรจะไปทำที่เกาหลีสิ! ตรงนี้ต้องบอกว่าสมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ปัจจุบันหมอไทยเราไม่แพ้เกาหลีเลยนะครับ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปดูดไขมันเกาหลีเลย (เสียเงินหลายต่อ ทั้งค่าเครื่อง ทั้งค่าเอเจนซี่) เพราะหมอไทยเราได้มีการใช้เทคนิคจากเกาหลี ใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่เหมือนเกาหลีด้วยเช่นกัน อาทิ…
- เครื่องดูดไขมันที่ทันสมัย
- เทคนิคการซ่อนแผลดูดไขมัน
- เทคนิคทำ Sexy Line ธรรมชาติ
- เทคนิคการดูดไขมันเอวเอส
- เทคนิคการดูดไขมันต้นแขนให้สมส่วน
- เทคนิคการเหลาสัดส่วนให้สวยเป๊ะ
- เทคนิคการฉีดไขมันให้ติดนาน
วิธีการเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
ก่อนดูดไขมันเตรียมตัวยังไง? ก่อนดูดไขมันเราจะเตรียมตัวจะคล้าย ๆ กับการผ่าตัดศัลยกรรมทั่วไปเลยครับ โดยการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดูดไขมัน จะแบ่งเป็นก่อนดูดไขมันยาชา และก่อนดูดไขมันยาสลบ ซึ่งในส่วนของการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันยาสลบ จะมีข้อห้ามบางข้อที่เพิ่มเข้ามา เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ จึงต้องปฎิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดนะครับ

เตรียมตัวก่อนดูดไขมันยาชา
ข้อแนะนำการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันด้วยวิธีการใช้ยาชา มีดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย
- งดชา กาแฟ น้ำอัดลม เพื่อไม่ให้ปวดปัสสาวะระหว่างดูดไขมัน
- สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ มีสีเข้ม และใส่สบาย
- พาเพื่อนหรือญาติมาด้วย เพื่อพากลับบ้าน (ห้ามขับรถกลับเอง)

เตรียมตัวก่อนดูดไขมันยาสลบ
สำหรับการดูดไขมันด้วยการวางยาสลบ ควรมีการปฏิบัติตัว ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดอาการข้างเคียงของยาสลบ
- งดน้ำ เครื่องดื่มทุกชนิด และงดสูบบุหรี่ ก่อนวางยาสลบ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักระหว่างดูดไขมัน
- ล้างสีเล็บ, ตัดเล็บมือให้สั้น (1 เล็บ) และ งดแต่งหน้า หรือทาครีมใด ๆ เพื่อให้วิสัญญีแพทย์สังเกตอาการต่าง ๆ และสภาวะขาดออกซิเจน
- งดสวมเครื่องประดับทุกชนิด ซึ่งรวมถึงฟันปลอมด้วย
- สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ มีสีเข้ม และใส่สบาย
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีฟันโยก
- พาเพื่อนหรือญาติมาด้วย เพื่อพากลับบ้าน (ห้ามขับรถกลับเอง)
- อาบน้ำและสระผมให้เรียบร้อย เพราะหลังจากที่ดูดไขมันเสร็จแล้วต้องระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้อาบน้ำในในช่วงวันแรก ๆ หลังดูดไขมัน จนกว่าจัดตัดไหม (5-7 วัน)
ข้อควรระวัง : การไม่ปฏิบัติตัวตามข้อปฏิบัตินั้น อาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได โดยเฉพาะการสูบบุหรี่, การรับประทานอาหาร, น้ำ, ชา หรือกาแฟ ในช่วงก่อนผ่าตัดดูดไขมัน 8 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้สิ่งที่อยู่ในช่องท้องสำลักเข้าสู่ปอด และทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ ยังทำให้เวลาในการเริ่มเคสผ่าตัดดูดไขมันยืดออกไป และกระทบต่อตารางคิวห้องผ่าตัดได้อีกด้วย

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน ในช่วง 1 เดือนแรก ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษตามที่เจ้าหน้าที่และแพทย์แนะนำ เพื่อให้แผลแห้งไวไม่ติดเชื้อ ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ มีอาการบวมน้อยลง เจ็บน้อยลง และเพื่อให้สัดส่วนเข้าที่เร็วมากขึ้น สำหรับวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันฉบับ Amara Clinic ในช่วง 1 เดือนแรก มีดังนี้
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด และยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์ และถ้าต้องการให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม
- ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้ง และพร้อมที่จะตัดไหมออกไป
- ห้ามให้แผลโดนน้ำหรือน้ำแข็งแผลเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ หากพบว่ามีเหงื่อออกเยอะจนทำให้แผลชื้น หรือแผลเปียกชื้น ให้รีบเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทันที (ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์แบบกันน้ำ)
- เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในระหว่างดูดไขมัน แนะนำให้ดื่มน้ำประมาณวันละ 1-2 ลิตร หากมีอาการอ่อนเพลียสามารถดื่มเกลือแร่เสริมได้ แต่ให้ดื่มในปริมาณน้อย เพราะอาจทำให้บวมเยอะขึ้นได้
- รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเน้นการทานโปรตีนจาก เนื้อปลา ไข่ นมถั่วเหลือง และธัญพืช
- หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และงดสูบบุหรี่ด้วย เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์ เช่น Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil หรือ Ginko เป็นต้น
- สวมชุดกระชับสัดส่วนวันละ 18-20 ชั่วโมง หลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง แนะนำให้ปลดตะขอหรือถอดพักประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับ
- เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ในทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน คลื่นใส้อาเจียนมาก มีแผลจากการใส่ชุดกระชับ ให้รีบมาพบแพทย์
- สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและยกของหนัก 1 เดือน เพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บมากขึ้น
เรื่องที่ต้องเช็คก่อนตัดสินใจดูดไขมัน
ไม่ใช่ว่าเราอยากจะดูดไขมัน ก็เข้าไปดูดไขมันที่ไหนก็ได้ เพื่อประโยชน์ของเรา รวมไปถึงผลลัพธ์ที่ได้หลังดูดไขมัน เราควรศึกษาหาข้อมูล และเช็คข้อมูลกันสักนิด หรือบางคนอาจจะหาในกูเกิ้ลว่า “ดูดไขมัน pantip” เพื่อดูคนมาแชร์ข้อมูลกัน
ซึ่งก่อนจะเลือกว่าจะไปดูดไขมันที่ไหนดี เราจึงต้องเช็คข้อมูลเบื้องต้นก่อน ว่าคลินิกดูดไขมันที่เราสนใจได้มาตรฐานในส่วนไหนบ้าง? เบื้องต้นเราไม่ควรเลือกคลินิกที่ดูดไขมันราคาถูก แต่ควรเลือกจากความเหมาะสม ตามปัจจัยด้านต่าง ๆ เช่น ผลลัพธ์, เครื่องมือ, การบริการ, ห้องผ่าตัด, การติดตามเคส, ความปลอดภัย และราคาที่เหมาะสม เป็นต้น

แพทย์ และคลินิกดูดไขมัน
เรื่องแรกที่ต้องมาเช็คกันก็คือ แพทย์และคลินิกดูดไขมัน ว่ามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน, เป็นคลินิกดูดไขมันที่เปิดถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่, ความสะอาดของคลินิกดูดไขมัน, แพทย์มีใบประกอบวิชาชีพรึเปล่า, ประสบการณ์ของแพทย์ และภาพเคสดูดไขมันรีวิวจากคนไข้จริง
เมื่อเรารู้แล้วว่าเราสนใจจะดูดไขมันที่ไหนดี ก็แนะนำว่าให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการประเมินโดยตรง แพทย์ที่เชี่ยวชาญ จะสามารถให้คำแนะนำ และประเมินการรักษาได้อย่างเหมาะสม มีการซักประวัติคนไข้ ส่วนนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารับรู้ว่า แพทย์มีความเชี่ยวชาญมากน้อยเพียงใด สำหรับทีมแพทย์ที่ Amara Clinic สามารถดูได้ที่นี่เลยครับ : ทีมแพทย์
เครื่องมือ - อุปกรณ์ที่ใช้
คลินิกดูดไขมันที่ดี ควรมีการลงทุนในส่วนของเครื่องมือ เครื่องดูดไขมัน และอุปกรณ์ที่ใช้ ทุกอย่างควรจะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ มีความทันสมัย หรือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ถ้าเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด ก็หมายความว่า มันถูกพัฒนามาจนดีที่สุดแล้วในปัจจุบัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ ย่อมดีกว่าเครื่องเก่าแน่นอน อีกทั้งยังสื่อถึงความใส่ใจของคลินิกดูดไขมันอีกด้วย
ศึกษาเครื่องดูดไขมัน
ลองดูความต้องการของตัวเอง และศึกษาเครื่องดูดไขมันที่สนใจ ปัจจุบันมีเครื่องอะไรบ้าง เครื่องไหนรุ่นใหม่รุ่นเก่า มีข้อดีข้อเสียยังไง เหมาะกับเคสแบบไหน หลังทำมีอาการอย่างไร เพื่อให้ตัวเรามีข้อมูลส่วนหนึ่งในใจ เมื่อเข้าไปปรึกษาแพทย์ที่คลินิกดูดไขมันแล้ว จะได้คุยกับแพทย์ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ห้องผ่าตัดดูดไขมัน
เรื่องห้องผ่าตัดก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่อง ที่เราต้องเช็คให้ดี ก่อนตัดสินใจที่จะดูดไขมันที่ไหนดี เพราะมีคลินิกดูดไขมันหลายแห่ง โฆษณาเกินจริง แจ้งว่ามีระบบต่าง ๆ แต่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย! เพื่อประโยชน์ของตัวเอง จึงต้องเช็คให้ดีนั่นเอง ห้องผ่าตัด หรือห้องดูดไขมัน ต้องเป็นสถานที่ ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด สิ่งที่เราต้องเช็คคือ ความสะอาด, ระบบฉุกเฉิน ,ระบบสำรองไฟ ,ระบบกรองอากาศให้ปลอดเชื้อ, เครื่องติดตามสัญญาณชีพ และเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉิน เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติม : ระบบในห้องผ่าตัดดูดไขมัน)
วิสัญญีแพทย์ และพยาบาล
ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันยาชา หรือดูดไขมันยาสลบ สิ่งที่ต้องมีคือเครื่องมอนิเตอร์ และผู้ที่คอยเฝ้าระวัง ติดตามอาการของเราขณะดูดไขมันครับ หากเป็นการดูดไขมันยาชา ควรมีพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลในห้องผ่าตัดด้วย ส่วนในเคสที่วางยาสลบ หรือดมยาสลบ จะต้องให้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์เท่านั้น!
อย่างที่เราทราบกันว่า ค่าใช้จ่ายของวิสัญญีแพทย์ค่อนข้างสูง หากคลินิกดูดไขมันแห่งใด มีการคิดราคาวิสัญญีแพทย์หลักพัน หรือไม่ถึงสองหมื่น ต้องเช็คให้เป็นพิเศษ ควรตรวจสอบใบวิชาชีพ เช็คภาพ และเช็คชื่อของวิสัญญีแพทย์ให้ดี เพราะบางแห่งอาจใช้พยาบาลในการดมยา หรือแพทย์ดูดไขมันเองนี่แหละ ที่เป็นผู้วางยาสลบให้ จึงทำให้มีความเสี่ยง และมีความอันตรายมาก โดยปกติแล้วก่อนเข้าห้องผ่าตัดดูดไขมันยาสลบ วิสัญญีแพทย์จะต้องเข้ามาซักประวัติคนไข้ก่อนอีกครั้งหนึ่ง
ใครที่อยากรู้ราคาดูดไขมัน และราคาในการวางยาสลบ ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ได้เลยนะครับ : ดูดไขมันราคาเท่าไหร่?
มีบริการหลังดูดไขมันอะไรบ้าง?
After Care เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับคนไข้ที่ดูดไขมันมาแล้ว เพราะเป็นอีกนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว หายไว อาการต่าง ๆ หายเร็ว และสัดส่วนเข้าที่เร็วที่สุดครับ หมอต้องบอกว่าคลินิกดูดไขมันบางแห่ง ที่ราคาเริ่มต้นถูกแสนถูก มักจะไม่รวมค่าบริการ After Care หรือไม่มีบริการ After Care หลังดูดไขมันที่คลินิกดังกล่าวเลย หากเราไปดูดไขมัน หลังทำเราก็ต้องหาทางดูแลตัวเอง ไปซื้อคอร์สที่อื่นเพิ่ม แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาเยอะมาก
จะดีกว่าไหม? หากเลือกคลินิกดูดไขมันที่มีบริการ After Care อย่างครบครันตั้งแต่แรก แม้จะราคาจะสูงกว่าไม่มาก แต่เราจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยลุ้นว่าคลินิกอื่นจะรับช่วงต่อกับเคสเราไหม? นอกจากนี้ After Care ที่ดี จะต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ดีที่สุด หรือใช้เครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด อาทิ การนวดกระชับหลังดูดไขมัน ด้วยเครื่อง Venus Legacy ที่เป็นเครื่องนวด rf ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เป็นต้นครับ
ดูรายละเอียดบริการ After Care ของเราได้ที่ : โปรแกรม After Care
การบริการและความใส่ใจ
มีหลาย ๆ คนที่อยากดูดไขมัน แต่อาจจะเคยมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน เคยไปทำที่อื่นมาแล้วไม่ประทับใจ เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ดี แพทย์ไม่สนใจ เน้นขายอย่างเดียว เลยทำให้เราต้องไปค้นหาข้อมูลก่อน เช่น ดูดไขมันที่ไหนดี pantip, ดูดไขมันที่ไหนดูแลดี หรือ คลินิกดูดไขมัน บริการดี เป็นต้น หากเรามีความสนใจที่จะดูดไขมันกับคลินิกไหน ให้ลองดูว่าในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตอบคำถามเราดีหรือไม่ เต็มใจให้บริการรึเปล่า เช่น
- ความรวดเร็วในการตอบ
- ความกระตือรือร้นที่จะให้ข้อมูล
- ให้ข้อมูลอย่างละเอียด ครบถ้วน
- แนะนำสิ่งที่ดี และเหมาะสมกับเคสเรา
- มีการดูแลเต็มที่ ไม่ทิ้งเคส
- มีบริการหลังการขายจัดเต็ม
- มีแนวโน้มที่จะช่วยเราแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้น
รีวิวดูดไขมันจากคนไข้จริง
คลินิกดูดไขมัน ที่มีภาพและเคส รีวิวดูดไขมัน จากคนไข้จริงเยอะ อาจแปลได้ว่า มีผู้ไว้วางใจที่จะใช้บริการมากมาย เพราะเห็นผลจริง สามารถบ่งบอกถึงประสบการณ์ และผลงานของแพทย์ได้ ทั้งนี้ ควรจะต้องมีภาพดูดไขมันรีวิวแต่ละตำแหน่งที่หลากหลาย มีรีวิวดูดไขมันทุกตำแหน่ง เคสคนตัวเล็ก เคสสาวอวบ เคสคนไซซ์ใหญ่ รวมไปถึงเคสดูดไขมันผู้ชายด้วยเช่นกันครับ
สิ่งที่ต้องเจอหลังดูดไขมัน
พูดถึงการผ่าตัดดูดไขมัน ที่นับเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมชนิดหนึ่ง แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็ต้องมีช่วยฟื้นฟูร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงนี้เราก็จะพบเจอกับอาการต่าง ๆ ได้ ถ้าอยากรู้ว่าดูดไขมันพักฟื้นกี่วัน? ดูดไขมันกี่เดือนเห็นผล? หรือ ดูดไขมันเจ็บไหม? ลองอ่านข้อมูลในส่วนนี้ได้เลย โดยอาการหลังดูดไขมันที่เกิดขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้หลายช่วงเวลา และมีความแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน คือ
- เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้
- เทคนิคของแพทย์แต่ละคน
- ปริมาณไขมันที่ดูด
- วิธีระงับความเจ็บปวด
- การปฎิบัติตัวก่อนดูดไขมัน
- สภาพร่างกายของแต่ละคน
อาการหลังดูดไขมันเสร็จทันที
อาการหลังดูดไขมัน ที่เกิดขึ้นหลังทำทันที ที่หลาย ๆ คนมักจะเจอคล้าย ๆ กันคือ อาการหน้ามืด เวียนหัว คลื่นไส้ อยากอาเจียน โดยเฉพาะคนไข้ที่นอนพักผ่อนน้อยก่อนมาดูดไขมัน และคนไข้ที่เลือกดูดไขมัน แบบวางยาสลบ อาการดังกล่าวเกิดได้จาก การสูญเสียน้ำในร่างกาย การใช้ยาชา และการวางยาสลบ
จากสาเหตุข้างต้น ทำให้น้ำในร่างกายไม่สมดุลกัน และผลข้างเคียงของยาที่ใช้ เลยทำให้เรามีอาการหลังดูดไขมัน ข้างเคียงเหล่านี้ ที่สำคัญคือยิ่งพักผ่อนน้อย ยิ่งมีอาการเมายาสลบมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นหลังดูดไขมันควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพียงขับยาชาออกไป และทดแทนน้ำในร่างกายที่เสียไป จากนั้นอาการต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลงภายใน 12-24 ชั่วโมง
อาการหลังดูดไขมันเสร็จทันที
ระหว่างที่แพทย์ทำการสลายไขมัน อาจมีเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก โดนทำลายไปบ้าง จึงสร้างความเจ็บระบมช้ำบริเวณนั้นไว้ ไม่ว่าจะดูดไขมันด้วยวิธีไหน ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่จะมีความปวดหลังดูดไขมันมากน้อยเพียงใด นอกจากสภาพร่างกายของแต่ละคนแล้ว เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ
หลังดูดไขมันพลังน้ำ ด้วยเครื่องดูดไขมัน body-jet จะมีอาการเจ็บน้อย ทั้งระหว่างดูดไขมันและหลังดูดไขมัน มีอาการฟกช้ำ ระบมช้ำ ไม่นาน (แต่อาจมีอาการบวมของน้ำที่ใส่เข้าไปสลายเซลล์ไขมันได้บ้าง ในวันแรก ๆ ) การดูดไขมันพลังน้ำ จะใช้เวลาพักฟื้นไม่กี่วันเท่านั้น ในบางเคสทำวันนี้ พรุ่งนี้สามารถไปทำงานตามปกติได้เลย แต่สัดส่วนจะเข้าที่สวย หลังทำไปแล้วประมาณ 6 สัปดาห์ครับ
เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน
หลังดูดไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันกลุ่มพลังความร้อน เช่น เครื่อง Vaser Smooth 2.2 หรือเครื่อง Ultra Z จะมีอาการเจ็บ ระบม ฟกช้ำ เยอะกว่าเครื่องพลังน้ำ เพราะใช้ความร้อนทำลายเซลล์ไขมัน ทำให้ใต้ผิวเกิดการบาดเจ็บมาก จึงทำให้มีอาการหลังดูดไขมันมากกว่า ใช้เวลาพักฟื้นนานหลายวัน แต่สัดส่วนจะเข้าที่เร็วกว่า และหลังดูดไขมันทันที ก็จะเห็นผลชัดกว่า
ภาวะแทรกซ้อนหลังดูดไขมัน

การติดเชื้อ
การติดเชื้อหลังดูดไขมัน เกิดขึ้นได้น้อยมากในปัจจุบัน เพราะยาชาที่ใส่ใน Tumescent จะมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อได้ส่วนหนึ่ง และการดูดไขมัน ก็ไม่ใช่หัตถการที่สกปรก มีการปนเปื้อนกับเชื้อน้อย จึงเกิดได้ยาก หากเกิดการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง การทานยาฆ่าเชื้อก็เพียงพอแล้วครับ ทั้งนี้ก็ต้องดูว่า คลินิกดูดไขมัน มีมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับการฆ่าเชื้อมากแค่ไหน รวมไปถึงเครื่องมือที่ใช้ด้วยเช่นกัน
หลังดูดไขมันยาชา
การใช้ยาชา + การนอนดูดไขมันนาน ๆ + การพักผ่อนน้อย + การสูญเสียน้ำของร่างกาย จะทำให้เรามีอาการมึนหัว วิงเวียน คลื่นไส้ หน้ามืด อยากอาเจียนได้ เป็นปกติ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น (ดื่มน้ำมาก ๆ ) แต่ถ้าใช้ยาชาเกินขนาด อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่ปกติได้ เช่นหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือการหายใจที่ผิดปกติ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่เชี่ยวชาญจะมีการคำนวณปริมาณของยาชาอย่างแม่นยำ และในเคสที่ดูดไขมันวางยาสลบ มีน้อยมาก ที่ปริมาณของการใช้ยาชาจะเกินกำหนด
Seroma
Seroma คือภาวะที่ร่างกายไม่ยอมให้มีช่องว่างเกิดขึ้นใต้ผิว จึงสร้างน้ำขึ้นมา เพื่อเติมเต็มช่องว่างหลังดูดไขมันออกไป ไม่มีอันตรายใด ๆ ถ้ามีน้ำสะสมน้อย ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้เอง และการสวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน ก็สามารถช่วยได้ (ชุดกระชับหลังดูดไขมันยิ่งใส่ยิ่งดี และต้องใส่อย่างถูกวิธีด้วย) ถ้ามีน้ำสะสมเยอะ ก็จะต้องให้แพทย์ช่วยเจาะออกให้ ซึ่ง Seroma มักเกิดจากการเคสที่ใช้เครื่องดูดไขมันกลุ่มความร้อน
ดูดไขมันเป็นไตแข็ง
อาการดูดไขมันเป็นไตแข็ง หรือก้อนแข็งที่ใต้ผิว เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น Seroma, ห้อเลือด และเกิดผังผืด ซึ่งโดยปกติแล้ว ก้อนแข็งหลังดูดไขมัน จะค่อย ๆ นิ่มลงได้เอง และสามารถใช้วิธีอื่นเสริมได้ เช่นการสวมชุดกระชับดูดไขมัน, การใช้เครื่อง Thermatight ใช้เครื่องนวดความร้อนเข้ามาช่วย เพื่อให้ก้อนแข็งนิ่มลงเร็วขึ้น และการประคบอุ่น เป็นต้น
ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น
กรณีที่ดูดไขมันผิวเป็นคลื่นบุ๋ม ไม่เรียบเสมอเท่ากัน เกิดได้ทั้งจากการที่แพทย์ดูดไขมันเยอะเกินไป ดูดไขมันผิดตำแหน่ง และการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่ผิดวิธีของคนไข้ ถ้าดูดไขมันผิวเป็นคลื่นบุ๋มไม่เยอะ ก็อาจจะดูดไขมันเพิ่มเติม เพื่อเกลี้ยงให้เรียบเสมอกัน ถ้าดูดไขมันผิวเป็นคลื่นเยอะ มีความเว้าเยอะ ก็จะใช้วิธีฉีดไขมันเข้าไป นอกจากนี้ หากเป็นคลื่นไม่มาก ก็สามารถใช้ชุดกระชับหลังดูดไขมัน และนวดกระชับ RF เพื่อลดปัญหาคลื่นบุ๋มได้
หลังดูดไขมันบวมกี่วัน?

อาการหลังดูดไขมัน ที่มักจะเจอกันทุกเคสคืออาการบวม แต่ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามเครื่องดูดไขมันที่ใช้ด้วย โดยการดูดไขมันด้วย เครื่อง body-jet กับ Ultra Z และ Vaser Smooth 2.2 ก็จะมีระยะเวลาในการบวมที่ต่างกัน ซึ่งเราจะแบ่งเป็นอาการบวมหลังดูดไขมัน ด้วยเครื่องพลังน้ำ และพลังความร้อน ดังนี้
อาการบวมหลังดูดไขมันพลังน้ำ
หลังดูดไขมันบวมกี่วัน สำหรับเคสที่ใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ช่วง 1-3 วันแรกจะบวมมาก เป็นการบวมหลังดูดไขมัน ที่เกิดจากน้ำ ที่ใช้ในการสลายไขมัน ทำให้มีน้ำค้างอยู่ใต้ผิวปริมาณมาก แม้จะทำการรีดน้ำออกหลังดูดไขมันแล้วก็ตาม จากนั้นอาการบวมก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น หลังจากนั้นจะเป็นอาการบวมเพราะความอักเสบ ซึ่งน้ำจะค่อย ๆ ลดลงจากการถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือด, ซึมออกทางแผลดูดไขมัน และถูกขับออกทางปัสสาวะ
อาการบวมหลังดูดไขมันพลังความร้อน
หลังดูดไขมัน ด้วยเครื่อง Ultra Z, เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ Vaser Smooth 2.2 สัดส่วนจะเล็กลงทันที เห็นผลชัดเจน เพราะมีน้ำค้างอยู่ใต้ผิวน้อยมาก แต่จะมีอาการบวมจากการอักเสบมากขึ้น ช่วงวันที่ 3-7 จะเกิดเป็นรอยช้ำสีแดงปนม่วงขึ้น มีอาการเจ็บแปลบ ระบมช้ำภายใน หลังจากนั้นความช้ำจะค่อย ๆ ดีขึ้น และจางหายไปตามลำดับ
ดูดไขมันราคาเท่าไหร่?
ดูดไขมันราคาเท่าไหร่ ? แตกต่างกันว่าในคลินิกดูดไขมันแต่ละแห่งคิดยังไง บางที่ก็นับเป็นจุด บางที่นับเป็นฝ่ามือ หรือบางที่นับแบบเหมาบริเวณ (ดูดไขมันราคาเหมา) ด้วยต้นทุนของเครื่องมือ และการนับตำแหน่งดูดไขมันที่แตกต่างกัน ส่งผลให้แต่ละคลินิก มีราคาดูดไขมันเริ่มต้นไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ราคาดูดไขมันแต่ละคลินิก แตกต่างกันคือ…
- ตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน
- เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้
- ไซซ์ของคนไข้ หรือ BMI
- โปรโมชั่นดูดไขมัน
- วิธีระงับความเจ็บ หากดูดไขมันยาสลบ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- การทำหัตถการอื่นเพิ่ม เช่นการเติมไขมัน, การยกกระชับสัดส่วน และอื่น ๆ
- ปัญหาอื่น ๆ เช่นผิวหย่อนคล้อย อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม หากต้องการยกกระชับสัดส่วนด้วย
บางคลินิกโฆษณาดูดไขมันราคาหลักพัน จุดละไม่ถึงหมื่น แต่พอเข้าไปจริง ๆ จุดที่นับคือจุดแผลรอยดูดไขมัน พอคิดราคามาแล้ว ไม่ตรงปก เพิ่มไปอีกหลายหมื่น แถมไม่รวมค่าบริการ After Care อีกด้วย ดังนั้นต้อง ๆ ค่อยหาข้อมูล และสอบถามเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
Amara Clinic ดูดไขมันราคาเท่าไหร่?
การดูดไขมันที่ Amara Clnic เราจะคิดแบบดูดไขมันราคาเหมา คือเหมาทั้งสัดส่วนไปเลย เช่น ดูดไขมันหน้าท้อง บนและล่าง, ดูดไขมันเอวเอส + ดูดไขมันปีกหลัง, ดูดไขมันต้นขาด้านใน 2 ข้าง, ดูดไขมันต้นขาด้านนอก + ดูดไขมันสะโพก 2 ข้าง, ดูดไขมันน่อง 2 ข้าง หรือดูดไขมันต้นแขน 2 ข้าง เป็นต้น
แต่ละตำแหน่งก็จะดูดไขมันราคาเริ่มต้น 25,000 บาท สำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันทิ้ง ด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 หรือ Ultra Z และดูดไขมันราคาเริ่มต้น 39,900 บาท สำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ครับ
“ ถึงแม้เราไม่ใช่คลินิกที่ดูดไขมันราคาถูก แต่เรายึดมั่นที่จะเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด ปลอดภัยที่สุด สำหรับคนไข้ของเราทุกเคส และ เราจะไม่ยอมลดมาตรฐานอย่างแน่นอน! เราให้คำมั่นว่า ทุกเคสที่เข้ามาดูดไขมัน เติมไขมัน และรับบริการที่ Amara Clinic จะเป็นเคสที่จะต้องสวย ปลอดภัย เห็นผลจริง ในทุกเคส ”
Amara Clinic ศูนย์ดูดไขมัน เติมไขมัน กระชับสัดส่วน
- แพทย์ชำนาญการณ์ด้านดูดไขมัน-เติมไขมันโดยตรง และมีประสบการณ์สูง
- แพทย์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น KOL Trainer แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน-เติมไขมัน
- แพทย์จบหลักสูตรดูดไขมันระดับสูงที่สุด (Advance) จากประเทศเกาหลีใต้
- เราได้รับการยอมรับจากบริษัทเครื่องมือแพทย์และเว็บไซต์ชั้นนำมากมาย
- เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์การสอนดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet ประจำประเทศไทย
- เราได้รับรางวัล The Most Body-jet Users ระดับประเทศไทย ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน
- เราได้รับรางวัล No. 1 in Asia of Procedures Done in 2020 – 2021 / มีเคส J Plasma มากที่สุดในเอเชีย
- มีเคสดูดไขมัน-เติมไขมันเยอะที่สุด ครบทุกไซซ์ ทุกสัดส่วน ทั้งชายและหญิง จนได้รับรางวัลการันตี!
- มีเครื่องดูดไขมันหลายชนิด เพื่อรองรับคนไข้แต่ละคนที่มีปัญหาและความต้องการแตกต่างกัน
- เครื่องมือ-อุปกรณ์ทันสมัย ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง และมีประสิทธิภาพจริง
- ห้องผ่าตัดมาตรฐาน Cleanroom ปลอดเชื้อถึง 99.97% โดยระบบ Positive Pressure และระบบอื่น ๆ อย่างครบครัน
- การวางยาสลบจะทำโดยวิสัญญีแพทย์วิชาชีพ ซึ่งจะดูแลคนไข้แบบ 1:1 (คนไข้ 1 คน : วิสัญญีแพทย์ 1 คน)
- หุ่นสวยเข้าที่เร็วแน่นอน! เพราะเรามีบริการ After Care คอยดูแลหลังดูดไขมันอย่างครบครัน
- ดูแลคนไข้แต่ละเคสอย่างใกล้ชิดและเต็มที่ จนกว่าสัดส่วนจะเข้าที่สวย ไม่มีทิ้งเคส โดยทีมแพทย์และพยาบาล
- รับประกันผลงาน 6 เดือน! สำหรับเคสที่ดูดไขมันแบบวางยาสลบไปแล้ว พบว่ามีไขมันหลงเหลืออยู่ แพทย์จะดูดไขมันเก็บงานเพิ่มให้ฟรี!
- แพทย์มีการวางแผนออกแบบสัดส่วนแบบ Case by case และเลือกใช้เครื่องมือตามความเหมาะสมของคนไข้แต่ละคน
เราคือ ศูนย์ดูดไขมัน-เติมไขมันเฉพาะทาง
Amara Clinic เราเป็นศูนย์การดูดไขมัน-เติมไขมันเฉพาะทาง ครบครันทุกขั้นตอนที่นี่ที่เดียว เรามีประสบการณ์ดูแลเคสมากกว่าหนึ่งหมื่นเคส ซึ่งกว่า 95% ของเคสใน Amara Clinic ล้วนเป็นเคสดูดไขมันและเติมไขมัน โดยทีมแพทย์ ทีมพยาบาล ทีมแอดมิน และทีมดูแลหลังการขายมีการดูแลเคสทุกวัน ใกล้ชิดกับเคสดูดไขมัน-เติมไขมันโดยตรง จึงมีความเชี่ยวชาญมาก นอกจากนี้ Amara Clinic ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Body-jet Education Center หรือศูนย์การสอนดูดไขมัน-เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet ประจำประเทศไทยอีกด้วย
ภาพบรรยากาศการสอนดูดไขมัน-เติมไขมัน โดยหมอไอซ์และหมอมะปราง
แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ชำนาญการในด้านดูดไขมัน-เติมไขมัน และมีประสบการณ์สูง ทั้งคุณหมอไอซ์และคุณหมอมะปราง มีการศึกษาด้านดูดไขมันในหลักสูตรระดับ Advance โดยตรงจากประเทศเกาหลีใต้ มีการนำเทคนิคดูดไขมันและเทคนิคซ่อนแผลจากประเทศเกาหลีมาปรับใช้ให้เหมาะสมและลงตัวที่สุด จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะของที่ Amara Clinic ที่ไม่เหมือนใครขึ้น ส่งผลให้เคสของเราสวยและมีเอกลักษณ์มาก ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของแพทย์และผลลัพธ์จากเคสของเรา จึงทำให้เราได้รับรางวัลการันตีผลงานในระดับประเทศ และระดับทวีปเอเชียติดต่อกันหลายปีซ้อน!!
- รางวัล The Most Body-jet Users : คลินิกที่มีเคสดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet มากที่สุดในประเทศไทย 4 ปีซ้อน
- รางวัล No. 1 in Asia of Procedures Done in 2020 – 2021 : คลินิกที่มีเคสยกกระชับผิวด้วย J Plasma มากที่สุดในทวีปเอเชีย 2 ปีซ้อน
- รางวัล “สุดสัปดาห์ Beauty Award สาขา Best of Body Contouring 2022” : สุดยอดคลินิกความงามที่สุดประจำปี 2022 จากนิตยสารสุดสัปดาห์
- รางวัล “Iconic Trusted Beauty Clinic 2022” : คลินิกความงามที่มีความน่าเชื่อถือประจำปี 2022 จากนิตยสารแพรว
- รางวัล “The Thailand Golden Award 2022” : คลินิกที่มีผู้มาใช้บริการ J Plasma มากที่สุดในเอเชียประจำปี 2022 จาก Renuvion USA ประเทศสหรัฐอเมริกา
- คุณหมอไอซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์แพทย์ สอนด้านการดูดไขมันพลังน้ำประจำประเทศไทย
- คุณหมอไอซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเครื่อง J Plasma ประจำประเทศไทย
- เราได้รับการจัดอันดับและยอมรับในวงการดูดไขมันว่าเป็นคลินิกดูดไขมันอันดับ 1 ในประเทศไทย
นอกจากนี้ แพทย์ยังมีการนำทักษะด้านศาสตร์ และ ศิลป์ (Art + Sci) และเทคนิคต่าง ๆ มาออกแบบรูปร่าง และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด เพราะเรารู้ว่าคนไข้แต่ละคนมีปัญหาและเป้าหมายในการดูดไขมันที่แตกต่างกัน ดังนั้น การปรับรูปร่างให้เหมาะสมกับสรีระของคนไข้จึงสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ดูสมส่วน และเป็นธรรมชาติมากที่สุด




เครื่องมือได้มาตรฐาน และทันสมัยที่สุด
เรามีเทคโนโลยีเครื่องดูดไขมันที่หลากหลาย มีเครื่องดูดไขมันให้เลือกหลายชนิด ซึ่งเครื่องดูดไขมันแต่ละเครื่อง จะมีข้อดี-ข้อเสียไม่เหมือนกัน การที่เรามีเครื่องดูดไขมันหลาย ๆ ชนิดเช่นนี้ จะทำให้แพทย์สามารถพิจารณา และเลือกเครื่องดูดไขมันที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละรายได้ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ เห็นผลชัดเจน แก้ปัญหาอย่างตรงจุด และมีภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด สำหรับเครื่องมือดูดไขมันปรับรูปร่างที่เราเลือกใช้ มีดังนี้
- Body-Jet เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันพร้อมเติมไขมัน เคสที่มีเวลาในการพักฟื้นน้อย และเคสที่กลัวเจ็บ
- Vaser Smooth 2.2 เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานสูง เหมาะกับเคสไซซ์ใหญ่ ตัวใหญ่ มีชั้นไขมันหน้า มีพังผืดเยอะ เคสแก้ หรือเคสดูดไขมันผู้ชาย โดยจะใช้ในกรณีที่คนไข้ต้องการดูดไขมันทิ้งเท่านั้น
- Ultra Z เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานในระดับทั่วไป เหมาะกับเคสไซซ์เล็ก ชั้นไขมันบาง และต้องการดูดไขมันทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เจอกับพลังงานที่สูงเกินไป และทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้ตามมา
- MicroAire เครื่องดูดไขมันพลังงานกล แพทย์จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเคสที่ต้องเก็บรายละเอียด มีพังผืดเยอะ เหลาร่อง โดยที่แพทย์ไม่ต้องการให้คนไข้เจอกับความร้อนที่สูงมาก หรือใช้กับตำแหน่งที่ดูดไขมันออกได้ยากอย่างแผ่นหลัง
- J Plasma เครื่องยกกระชับผิวให้เฟิร์ม ช่วยแก้ปัญหาผิวย้วยและผิวหย่อนคล้อยอย่างตรงจุด (ไม่สามารถดูดไขมันออกได้) เครื่องเจพลาสมานับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และเห็นผลได้ชัดที่สุด โดยให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการผ่าตัดหนังหน้าท้องถึง 80% เลยทีเดียว เหมาะกับเคสที่มีปัญหาเรื่องผิวหรือต้องการผิวที่เฟิร์มกระชับ สามารถทำควบคู่กับการดูดไขมันได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดแผลเพิ่ม

ห้องผ่าตัด มาตรฐานโรงพยาบาล
เรามีห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ มีความปลอดเชื้อ ปลอดภัย ทันสมัย และมีระบบต่าง ๆ อย่างครบครัน สามารถรองรับการผ่าตัดได้ทุกหัตถการทั้งเล็กและใหญ่ โดยทุกอย่างที่อยู่ในห้องผ่าตัดจะต้องปลอดเชื้อ ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนตามมาตรฐาน และถ้าอุปกรณ์ชิ้นใดที่ต้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง เราก็จะไม่นำกลับมาใช้อีก เพื่อให้ปลอดภัยต่อคนไข้มากที่สุด ซึ่งคำว่า “ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน” จะต้องประกอบด้วยระบบต่าง ๆ เหล่านี้

- ระบบ Positive Pressure หรือระบบที่ทำให้ความดันภายในห้องผ่าตัดเป็นบวก (แรงดันมากกว่าข้างนอก) เพื่อให้อากาศสะอาดและปลอดเชื้อมากที่สุด และป้องกันไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้ โดยจะต้องใช้ระบบปรับอากาศแรงดันบวกขนาดใหญ่, มีระบบควบคุมการไหลเวียนของอากาศ (Lamina Airflow) และแผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดถึง 99.97% อย่าง HEPA Filter โดยระบบ Positive Pressure เป็นระบบที่สำคัญมาก มีค่าติดตั้งหลายล้านบาท ซึ่งห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อจริง ๆ จะต้องมีระบบนี้อยู่ (คลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่ง มีการแจ้งและโฆษณาว่าห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ แต่กลับไม่มีระบบนี้ และยังใช้แอร์ทั่วไปในการปรับอากาศ นั้นหมายถึงว่าห้องผ่าตัดไม่ได้ปลอดเชื้อจริง ๆ )
- ระบบ Pipeline หรือระบบแก๊สแยกส่วนตัว ที่ประกอบด้วยออกซิเจน, ไนตรัสออกไซด์ (แก๊สยาสลบ) และอากาศบริสุทธิ์ ใช้สำหรับช่วยเหลือคนไข้ในกรณีฉุกเฉิน และป้องกันไม่ให้คนไข้ได้รับออกซิเจนมากเกินไปจนเกิดอันตราย
- ยาและเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉิน เพราะในระหว่างที่ทำการผ่าตัดอยู่นั้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ หากภายในห้องผ่าตัดมียาฉุกเฉินและเครื่องมือช่วยชีวิตที่พร้อมใช้งาน ก็จะสามารถช่วยเหลือคนไข้ได้อย่างทันทีทันใด อีกทั้งห้องผ่าตัดของเรายังอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เราก็จะสามารถส่งตัวคนไข้ออกไปได้อย่างรวดเร็ว
- ระบบไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน สำหรับกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง ไฟดับ ไฟตก ไฟฟ้าสำรองก็จะถูกจ่ายออกมาในทันที เพื่อไม่ให้การผ่าตัดหยุดชะงักและสามารถดำเนินการต่อไปได้ หากผ่าตัดอยู่และไม่มีไฟฟ้าสำรองมาทดแทน เครื่องดมยาสลบและเครื่องมือต่าง ๆ ก็จะหยุดการทำงาน แพทย์ไม่สามารถผ่าตัดต่อได้ และคนไข้อาจอยู่ในภาวะอันตรายได้ ซึ่งระบบไฟฟ้าสำรองของเราสามารถจ่ายไฟได้นานถึง 2 ชั่วโมง และมีการตรวจเช็คความพร้อมอยู่เสมอ (ก่อนเลือกคลินิกดูดไขมันต้องเช็คให้ดี เพราะหลาย ๆ ที่ไม่มีระบบนี้!)
- ระบบ Scavenging สำหรับระบายแก๊สส่วนเกินออกไปจากห้องผ่าตัด ยกตัวอย่างเช่นแก๊สดมยาสลบ เพราะถ้ามีมากเกินไป จะทำให้อากาศภายในห้องผ่าตัดเป็นพิษได้ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการรั่วไหลของแก๊สต่าง ๆ ได้อีกด้วย
วางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ 1:1
ทุกเคสที่เลือกวางยาสลบจะมี “วิสัญญีแพทย์วิชาชีพ” คอยดูแลและเฝ้าระวังตลอดการผ่าตัดอย่างใกล้ชิดแบบ 1:1 (วิสัญญีแพทย์ 1 คน ดูแลคนไข้ 1 คน) ไม่ใช่ระบบแบบโรงพยาบาลบางแห่งที่มีการใช้วิสัญญีแพทย์ 1 คน ดูแลคนไข้หลายคนพร้อม ๆ กัน เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งกว่า 80% ของข่าวที่มีการดูดไขมันแล้วเสียชีวิตทั้งในไทยและต่างประเทศ เกิดจากการที่วิสัญญีแพทย์ 1 คน ดูแลคนไข้หลายคน หรือไม่มีวิสัญญีแพทย์ในการให้ยาสลบเลย นอกจากวิสัญญีแพทย์แล้ว เรายังมี “พยาบาลวิชาชีพ” คอยดูแลร่วมด้วยทั้งในห้องผ่าตัดและห้องพักฟื้นเลย
บริการ After Care หลังดูดไขมัน
After Care หลังดูดไขมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลตัวเองที่คนไข้ควรทำ เพราะผลลัพธ์ของการดูดไขมันที่ดี มีที่มาจากฝั่งแพทย์และการผ่าตัด 70% ส่วนอีก 30% คือการดูแลหลังทำ เราไม่ได้ดูแลคนไข้เพียงบางช่วงหรือเฉพาะก่อนทำเท่านั้น หลังจากดูดไขมัน-เติมไขมันมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะมีการนัดหมายให้เข้ามาพบแพทย์ ติดตามอาการ และรับบริการ After Care เป็นประจำ โดยเราให้ความสำคัญกับบริการ After Care ไม่แพ้กับการผ่าตัดเลย ดังนั้น เราจึงเลือกใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ ทันสมัย ได้มาตรฐาน ทำแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง และมีอย่างครบครัน!

ตัวอย่างบริการ After Care ที่ Amara Clinic
- นวด RF กระชับสัดส่วน เพิ่มความเต่งตึงให้แก่ผิว ก้อนแข็งใต้ผิวน้อยลง ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และสลายไขมันส่วนเกิน ซึ่งทางคลินิกจะใช้เป็นเครื่อง Venus Legacy ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และนับว่าเป็นที่สุดของเครื่องนวด RF ในปัจจุบัน ที่มีราคาเครื่องหลักล้านบาท (เครื่อง RF มีหลายราคา ตั้งแต่หลักพัน – หลักล้าน มาตรฐานและผลลัพธ์ที่ได้จึงแตกต่างกัน)
- เครื่อง Thermatight สำหรับสลายก้อนแข็งใต้ผิวที่เกิดขึ้นหลังดูดไขมัน เมื่อก้อนแข็งและก้อนไตลดน้อยลง ผิวก็จะเรียบเนียนขึ้น ไม่มีปัญหาผิวคลื่น และไม่หย่อนคล้อย
- ชุดกระชับหลังดูดไขมันมีให้เลือกหลายแบบ มีครบทุกไซซ์ มีครบทุกตำแหน่งที่ดูดไขมันไป อีกทั้งยังเป็นชุดกระชับที่ทาง Amara Clinic ออกแบบร่วมกับบริษัทผลิตและจำหน่ายชุดกระชับโดยตรง ใส่แล้วกระชับ สัดส่วนเข้าที่เร็ว และเห็นผลดีแน่นอน
- บริการฉายแสง LED สีแดง เพื่อลดอาการอักเสบใต้ผิว ลดอาการบวม และทำให้แผลแห้งเร็วขึ้นได้ โดยเราจะฉายแสงให้คนไข้ในช่วง 7 วันแรกหลังดูดไขมัน
- โปรแกรมดูแลแผลหลังดูดไขมันแบบจัดเต็มถึง 1 ปี โดยการใช้ IPL ในการลดเลือนรอยแดง, Pico Laser ในการลดเลือนรอยดำ, ยาทาป้องกันแผลเป็น และยาฉีดเพื่อลดความนูนของแผลคีลอยด์ เป็นต้น
- ห้องพักฟื้นหลังดูดไขมัน เพื่อให้คนไข้ได้ฟื้นร่างกายก่อนกลับบ้าน โดยภายในห้องพักฟื้นจะมีผ้าห่มลมร้อน สำหรับให้ความอบอุ่น, มื้อรับรองหลังดูดไขมัน เนื่องจากคนไข้บางคนต้องอดอาหารก่อนผ่าตัด, เครื่องติดตามสัญญาณชีพ และพยาบาลคอยดูแลแบบส่วนตัว
- บริการทำความสะอาดแผลที่คลินิกทุกวัน, บริการตัดไหมหลังแผลแห้ง, เซ็ตอุปกรณ์ทำแผลสำหรับทำเองที่บ้าน, เซ็ตยาก่อนดูดไขมัน, เซ็ตยาหลังดูดไขมัน และคู่มือดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน เป็นต้น
มีการดูแลหลังการขายที่ดีเยี่ยม
เรามีทีมดูแลหลังการขายที่คอยให้คำแนะนำ ติดตามอาการหลังดูดไขมัน และดูแลอย่างใกล้ชิดทุกเคส (ไม่มีทิ้งเคส) ผ่านช่องทาง LINE พิเศษ! โดยผู้ที่คำแนะนำจะมีทั้งแพทย์และพยาบาล หากคนไข้ท่านใดมีข้อสงสัยและความกังวล สามารถทักมาทาง LINE ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทางคลินิกจะตอบกลับอย่างรวดเร็วที่สุด
การันตีผลงานนาน 6 เดือน
สำหรับเคสที่ดูดไขมันแบบวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ ทางคลินิกการันตีผลงานให้เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือกล่าวคือหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว ภายในช่วง 6 เดือนแรก หากพบว่ามีไขมันหลงเหลืออยู่ หรือในตำแหน่งที่ดูดไขมันไปชั้นไขมันไม่เท่ากัน คุณหมอจะมีการดูดไขมันเก็บงานให้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
มีรีวิวดูดไขมัน เยอะที่สุดในไทย
เรามีรีวิวดูดไขมันและรีวิวเติมไขมันมากที่สุดในประเทศไทย รีวิวจากเคสจริงทุกเคส มีภาพจริงจากคนไข้ที่ส่งมาอัปเดต มีไลฟ์สดหลังดูดไขมันเสร็จทันทีให้ดู โดยไม่มีการจ้างหน้าม้า ไม่มีการรีทัชผลลัพธ์ มีเพียงการปรับแสงให้ดูสวยงามขึ้นเท่านั้น เรามีรีวิวดูดไขมันครบทุก Size ครบทุกสัดส่วน ครบทุกช่วงอายุ ทั้งเคสผู้หญิงและเคสผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็น…
- ภาพรีวิวเปรียบเทียบแบบทางการแพทย์ (เปรียบเทียบซ้าย-ขวา)
- ภาพหลังดูดไขมันเสร็จทันทีในห้องผ่าตัด
- ภาพรีวิวจากทางบ้าน (ภาพคนไข้ในชีวิตประจำวัน)
- วิดีโอสัมภาษณ์ความประทับใจหลังดูดไขมัน (ไม่มี Script มีแต่การส่งคำถามให้เท่านั้น)
- Live สดหลังดูดไขมันเสร็จทันทีในแต่ละเคสทาง Facebook
- แชร์ประสบการณ์หลังดูดไขมันจากคนไข้ โดยแพทย์ประจำเคส
ราคาดูดไขมัน สมเหตุสมผล
ราคาดูดไขมันที่ Amara Clinic สมเหตุสมผล ไม่ได้ราคาสูงอย่างที่คิด โดยจะอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางสูง แต่หากดูที่มาตรฐานของคลินิก มาตรฐานของห้องผ่าตัด เครื่องมือที่ใช้ ฝีมือของแพทย์ การนับตำแหน่งดูดไขมัน และโปรโมชั่นดูดไขมันในแต่ละเดือนแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องจากคุณหมอไอซ์และคุณหมอมะปรางเป็นเจ้าของคลินิกเอง คุณหมอจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ของ Amara Clinic ทุกเคส แม้ต้นทุนจะสูงก็ตาม
และตำแหน่งดูดไขมันของเราคิดเป็นราคาเหมาบริเวณใหญ่ ไม่นับเป็นจุดเล็ก ๆ เริ่มต้นเพียงตำแหน่งละ 25,000 บาทเท่านั้น หากมีการแจ้งว่าไม่บวกเพิ่มจะไม่มีการเก็บเงินเพิ่มแน่นอน และหากมีการแจ้งว่าแถมของแถม 30 รายการ คนไข้ก็จะได้รับของแถมแบบจัดเต็ม 30 รายการจริง ๆ
ดูดไขมันที่ไหนดี? (วิธีเลือกคลินิก)
จะดูดไขมันทั้งที ต้องดูทั้งมาตรฐาน ความปลอดภัย รีวิว และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ไม่ใช่เน้นราคาถูกเป็นหลัก จากคำถามที่ว่าดูดไขมันอันตรายไหม? คำตอบคือ อยู่ที่การตัดสินใจเลือกคลินิกดูดไขมันของเราด้วยส่วนหนึ่ง หากเลือกคลินิกที่ไร้มาตรฐาน ขาดจรรยาบรรณ ไม่มีวิสัญญีแพทย์วิชาชีพ ก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ สิ่งที่ต้องเช็คก่อนจะดูว่าเราควรดูดไขมันที่ไหนดี คือ…
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์
- เช็คแพทย์ว่าเป็นแพทย์จริงไหม
- มาตรฐานของคลินิกดูดไขมัน
- รีวิวจริง จากลูกค้าจริง
- ทีมวิสัญญีแพทย์ และพยาบาล
- ประสบการ์ณของแพทย์
- เครื่องมือที่ทันสมัย และครบครัน
- ความน่าเชื่อถือของแพทย์
- ห้องผ่าตัด ต้องปลอดเชื้อจริง
- การบริการของเจ้าหน้าที่
- การดูแลก่อนและหลังดูดไขมัน
สรุป
เราก็ได้ทราบไปแล้วนะครับ ว่าการดูดไขมันคืออะไร? มีวิธีไหนบ้าง? ใครที่มีความกังวลกับรูปร่าง อยากใช้ทางลัดในการลดสัดส่วน ที่เห็นผลในทันที การดูดไขมันอาจเป็นเหมาะสมกับคุณ ลองเข้ามาปรึกษาหมอฟรีได้เลบครับ
ซึ่งหากใครถามว่าดูดไขมันดีไหม? บอกเลยว่าดีแน่นอน! ฝากไว้อีกสักนิดสิ่งที่คัญในการเลือก ว่าจะดูดไขมันที่ไหนดี อย่าลืมเช็คข้อมูลตามคำแนะนำ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันออกมาสวยโดนใจ และปลอดภัยที่สุดกันนะคะ
Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) เราเป็นศูนย์ดูดไขมันเฉพาะทาง มีเคสรีวิวดูดไขมันเยอะที่สุดในประเทศไทย มีเครื่องมือหลากหลาย เน้นความปลอดภัย และผลลัพธ์เป็นหลัก สามารถสอบถามโปรโมชั่น และจองคิวปรึกษาแพทย์ได้ฟรีทุกเคส!
“เราไม่ใช่คลินิกที่มีราคาดูดไขมันถูกที่สุด แต่เรายึดมั่นที่จะเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด ปลอดภัยที่สุด สำหรับคนไข้ของเราทุกเคส และ เราจะไม่ยอมลดมาตรฐานอย่างแน่นอน! เราให้คำมั่นว่า ทุกเคสที่เข้ามาดูดไขมัน เติมไขมัน และรับบริการที่ก Amara Clinic จะเป็นเคสที่จะต้องสวย ปลอดภัย เห็นผลจริง ในทุกเคส”
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย