ดูดไขมันเจ็บไหม? ไขข้อสงสัยที่ใคร ๆ ก็อยากรู้ (2024)

ดูดไขมันเจ็บไหม หมอไอซ์

การดูดไขมัน ก็เป็นหนึ่งในทางลัดหุ่นสวย ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างทันทีหลังทำเลยนะครับ มีหลายคนที่อยากดูดไขมัน แต่ก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ เพราะไม่รู้ว่า ดูดไขมันเจ็บไหม? บางคนก็บอกว่าเจ็บ บางคนก็บอกว่าไม่เจ็บ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าจริง ๆ แล้ว การดูดไขมันเจ็บแค่ไหน? ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะหมอไอซ์ Amara Clinic รวบรวมคำตอบมาให้แล้วครับ

ดูดไขมันเจ็บไหม? 


ในระหว่างที่ดูดไขมันจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากมีการใช้ยาชา/ยาสลบ และมีการใส่สารน้ำ Tumescent เข้าไปซึ่งในสารน้ำชนิดนี้มีอะดรีนาลีนและยาชาอยู่ จึงทำให้การดูดไขมันไม่เจ็บอย่างที่หลายคนคิด แต่หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น จะมีอาการปวด ตึง และชาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้โดยการทานยาลดปวดที่หมอให้ไป 


ความเจ็บในการดูดไขมันระดับไหน เช็กเลย!

Pain Score หรือการวัดระดับความเจ็บปวด (มีระดับ 1-10) จากแบบสำรวจที่มีการสำรวจคน 1,000 คน ให้ระดับความเจ็บปวดของการดูดไขมันด้วยพลังน้ำที่ระดับ 1-2 หากเป็นคนที่เจ็บง่ายมาก จะอยู่ระดับ 3-4 หากเป็นการดูดไขมันด้วยกลุ่มพลังงานความร้อน ระดับความเจ็บจะอยู่ที่ 4-6 คะแนน ส่วนระดับของการฉีดสิวจะอยู่ที่ 6-7 คะแนน ส่วนความเจ็บปวดที่เจ็บมากที่สุดในชีวิต ตกไปเป็นของ “การคลอดลูกแบบธรรมชาติ” 

“การดูดไขมันเจ็บน้อยกว่าการคลอดลูก”
กลัวเจ็บก็ดูดไขมันได้ชิล ๆ

ดูดไขมันเจ็บไหม? เจ็บเหมือนโดนมีดกรีดรึเปล่า?

ก่อนจะดูดไขมัน ความกังวลของคนไข้ส่วนมากน่าจะเป็นการกลัวเจ็บ คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวคงเป็นดูดไขมันเจ็บไหม เจ็บมากแค่ไหน เจ็บแบบทนไม่ไหวเลยมั้ย เจ็บเหมือนโดนมีดกรีดรึเปล่า หรือเจ็บแบบปวดแสบปวดร้อน? ถ้าเจ็บถึงขนาดนั้น คงไม่มีใครทนไหวแน่นอน ความเจ็บจากการดูดไขมันในยุคปัจจุบัน เป็นความเจ็บที่สามารถทนได้ เจ็บเหมือนเราออกกำลังกายมากหนัก แล้วเจ็บกล้ามเนื้อ เจ็บแบบแปลบ ๆ ระบม ๆ 

After Abdominal liposuction

ดูดไขมันหน้าท้องเจ็บไหม? จะมีความเจ็บปวดในขั้นตอนการฉีดยาชา ก่อนการดูดไขมัน หลังจากนั้นในช่วงแรกไปถึงช่วงกลาง ๆ ของการดูดไขมัน คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ หรือแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะมีจั๊กจี้บ้าง หากคนไข้เป็นคนที่เส้นตื้น เมื่อดูดไขมันไปได้สักพักหนึ่ง ไขมันใกล้หมดแล้ว ไขมันที่ยังมีติดอยู่บ้างใกล้ ๆ กับผิวหนังและกล้ามเนื้อ ตรงนี้คนไข้อาจจะมีความรู้สึกเจ็บ ปวด แปลบ ๆ บ้าง ไม่ตลอดเวลา

ดูดไขมันแล้วเจ็บ เกิดจากอะไร?


สาเหตุผลที่ทำให้เกิดความเจ็บระหว่างดูดไขมัน และหลังดูดไขมัน ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน ทั้งระดับความอดทนของร่างกายของคนไข้แต่ละคน (ตรงนี้เป็นปัจจัยส่วนตัวจริง ๆ บางคนชิลล์มาก ส่วนมากคนก็เจ็บมาก ทั้ง ๆ ที่ใช้เครื่องเดียวกัน),  เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้, ความหนาแน่นของไขมันในบริเวณต่าง ๆ , วิธีระงับความเจ็บ (ยาชา, ยาสลบ) และเทคนิคฝีมือของคุณหมอ (บางคนมือหนัก บางคนมือเบา) 

1. เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้

ทำไมการดูดไขมันแล้วจะเจ็บแค่ไหน ถึงขึ้นอยู่กับเครื่องดูดไขมันด้วยล่ะ? คำตอบคือ เพราะพลังงานที่ใช้ในการสลายไขมัน ของแต่ละเครื่อง มีความแตกต่างกันน่ะสิ! ปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีหลัก ๆ 2 พลังงานคือ พลังงานความร้อน (เช่นเครื่องดูดไขมัน Ultra Z และ เครื่องดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2) และพลังงานน้ำ ที่อ่อนโยน นุ่มนวล ต่อเซลล์ไขมันที่สุด (เช่นเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet)

โดยเครื่องที่ทำให้เจ็บน้อยมากที่สุด และใช้เวลาพักฟื้นไวที่สุด ทั้งระหว่างดูดไขมัน และหลังดูดไขมัน คือเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ตัวนี้หมอเป็นอาจารย์สอนประจำประเทศไทย และเรายังเป็นคลินิกที่มีเคสเยอะที่สุดด้วย (The Most Body-jet Users) แล้วทำไมเครื่อง body-jet ถึงเจ็บน้อยที่สุดล่ะ? ต่างกับเครื่องอื่นยังไง? ตามไปอ่านต่อได้เลย!

ดูดไขมัน

เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet

นวัตกรรมการดูดไขมันที่อ่อนโยน และเจ็บน้อยที่สุดในปัจจุบัน ต้องยกให้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำbody-jet แน่นอน เพราะใช้พลังงานน้ำ จะไม่มีการใช้พลังความร้อนเลย จึงทำให้เกิดการทำลาย และได้รับบาดเจ็บที่น้อยมาก! อีกทั้งยังไม่ต้องเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้ หรือคลื่นบุ๋มอีกด้วย พอบาดเจ็บน้อย ก็ทำให้เกิดการเสียเลือดน้อย ทำให้คนไข้ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไหร่ จะเจ็บมากที่สุดก็คือตอนที่ฉีดยาชานั่นเอง

มีการให้คะแนนความเจ็บของการดูดไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ว่า อยู่ในระดับ 1-2 เท่านั้น ซึ่งเจ็บน้อยมากเลย อีกทั้งยังสามารถทำไขมันที่ได้ไปเติมต่อได้อีกด้วย เรียกหัตถการนี้ว่า การเติมไขมัน เพราะเซลล์ไขมันไม่ได้ถูกความร้อนทำลาย จึงเป็นเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเซลล์ไขมันดี เหมาะกับการเอาไปเติมต่ออีกด้วย (ถ้าสงสัยว่าตอนฉีดไขมัน เจ็บไหม? บอกเลยว่าไม่เจ็บ แถมแผลเล็กมาก ๆ ) สำหรับเคสที่ดูดแล้วนำไปเติมไขมันและดูดทิ้ง เราใช้ถังในการเก็บไขมันต่างกันนะครับ เพื่อประสิทธิภาพของเซลล์ไขมัน

ชมรีวิวจาก wongnai
ฉีดไขมัน หน้าพัง
ดูดไขมัน body-jet
Vaser Smooth

เครื่องดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2

เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด (Vaser Smooth 2.2) จากทั้งหมด 3 รุ่น เป็นเครื่องดูดไขมัน กลุ่มพลังงานความร้อน ซึ่งใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) มาสร้างพลังงานความร้อน ในระดับอุณหภูมิที่สูงนี้ จึงสามารถทำลายเซลล์ไขมันที่เกาะตัวกันอย่างหนาแน่นได้ดี เพราะพลังทำลายไขมันที่สูง จึงเหมาะกับเคสที่มีไขมันปริมาณมาก เคสดูดไขมันทั้งตัว เคสคนตัวใหญ่ เคสดูดไขมันผู้ชายมากกกว่า (หมอจะพิจารณาให้อีกครั้งนะครับ)

ใช้เครื่อง Vaser ดูดไขมันเจ็บไหม?

ปฎิเสธไม่ได้ว่า เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ ทำให้มีความเจ็บระหว่างดูดไขมันมากเลย และยังทำให้เกิดความระบมช้ำหลังดูดไขมันเยอะกว่าเครื่องพลังน้ำ จึงใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า แต่ข้อดีก็มีมากมาย เช่น ดูดไขมันได้เยอะ, ดูดไขมันได้เร็ว ใช้เวลาดูดไขมันไม่นาน, ช่วยเบาแรงแพทย์ ทำให้คุณหมอไม่เหนื่อยง่าย เพราะสลายไขมันได้ไว เป็นต้น

Q&A : ดูดไขมันเจ็บไหม?

ข้อควรระวัง!

แนะนำว่าผู้ที่ดูดไขมันเวเซอร์ จะต้องเป็นแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser มาแล้ว เพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดผิวไหม้ได้นะครับ นอกจากนี้ หมอยังแนะนำให้ดูดไขมันแบบวางยาสลบอีกด้วยครับ เพราะถ้าใช้ยาชาอาจจะทนไม่ไหว และทำให้แพทย์ดูดไขมันไม่หมดได้นะครับ

Ultra Z

เครื่องดูดไขมัน Ultra Z

Ultra Zป็นเทคโนโลยีดูดไขมันพลังความร้อน ด้วยพลังคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ เช่นเดียวกันกับเครื่อง Vaser Smooth 2.2 แต่เป็นเครื่องที่มาจากประเทศเกาหลี แม้จะใช้พลังงานเดียวกัน แต่เครื่อง Ultra Z มีพลังการทำลายเซลล์ไขมันที่ต่ำกว่าเครื่องเวเซอร์ จึงเหมาะกับเคสที่ต้องการดูดไขมันทิ้ง แต่เป็นคนไซซ์เล็ก มีชั้นไขมันไม่หนา เช่น สาวตัวเล็ก มีส่วนเกิดนิดหน่อย ดูดไขมันออกไม่เยอะ เป็นต้น

Ultra Z ดูดไขมันเจ็บไหม?

เครื่องดูดไขมันพลังความร้อนทุกเครื่อง มีความเจ็บมากกว่าพลังน้ำแน่นอน ใครที่ดูดไขมันแบบใช้ยาชา จะมีความรู้สึกเจ็บปานกลาง – มาก ระหว่างดูดไขมันนะครับ โดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันน้อย ๆ เช่น เอวเอส หรือตอนที่ไขมันใกล้จะหมดแล้ว แต่อาการเจ็บหลังดูดไขมัน จะมีความระบมช้ำ และเจ็บน้อยกว่าเครื่อง Vaser 

2. ปริมาณของไขมัน

ทำไมปริมาณมากของไขมัน จึงมีผลต่อความเจ็บระหว่างดูดไขมัน? สาเหตุก็เพราะว่าถ้าเราดูดไขมันในบริเวณที่มีไขมันหนา ก็จะมีระยะห่างของท่อพลังงาน และกล้ามเนื้อมาก แต่พอเราดูดไขมันไปเรื่อย ๆ ช่วงที่ไขมันใกล้หมดแล้ว ยิ่งไขมันน้อยลง ก็จะยิ่งใกล้กับกล้ามเนื้อมากขึ้น ทำให้มีความเจ็บมากในช่วงนี้ รวมถึงการดูดไขมันในตำแหน่งที่มีไขมันน้อย ๆ ด้วยเช่นกันนะครับ

Ways to reduce pain during liposuction

3. วิธีระงับความเจ็บปวด

ในสมัยก่อนไม่มียาสลบ ไม่มียาชา ทำให้เวลาดูดไขมัน (Manual Liposuction) มีความเจ็บปวดมาก เสียเลือดเยอะ ในสมัยก่อนจึงมีข่าวดูดไขมันแล้วเสียชีวิตบ่อย เพราะทนความเจ็บไม่ไหว แต่ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งยาชา และการวางยาสลบ ซึ่งทั้งสองแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกาย และความสบายใจของคนไข้ด้วย

ใช้ยาชาดูดไขมันเจ็บไหม?

การใช้ยาชาในการดูดไขมัน มีความปลอดภัยมากกว่า ตรงที่เราไม่ต้องอยู่ในสภาวะสลบ ไม่ต้องเสี่ยงลุ้นว่าคลินิกดูดไขมันที่ท่านตกลงดูดไขมัน ใช้วิสัญญีแพทย์จริง หรือแพทย์ทั่วไป แต่การใช้ยาชาก็มีความเจ็บมากเช่นกัน (ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส) ถ้าเป็นเคสที่ดูดไขมันพลังน้ำ เคยศัลยกรรมมาก่อน มีความอดทนต่อความเจ็บ และดูดไขมัน 1-2 ตำแหน่ง ก็สามารถดูดไขมันแบบยาชาได้

  • สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ตลอด
  • อาการข้างเคียงหลังดูดไขมันน้อย
  •  ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนดูดไขมันมาก
  • อาจมีความเจ็บมากจนทนไม่ไหว
  • อาจเห็นภาพไม่พึงประสงค์ได้
  • อาจทำให้แพทย์ดูดไขมันไม่เกลี้ยง เพราะคนไข้เจ็บมาก จนทำให้แพทย์หยุดดูดไขมัน

วางยาสลบดูดไขมันเจ็บไหม?

ระหว่างวางยาสลบ ดูดไขมันต้นขา เจ็บไหม? ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันตำแหน่งใด ก็ตาม หากวางยาสลบหรือดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ ก็จะไม่มีความเจ็บแน่นอน แถมมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย (ต้องไม่ใช่ยาเบลอ แต่ต้องเป็นยาสลบ และทำโดยวิสัญญีแพทย์จริง ๆ ) แต่หลังจากดูดไขมัน ก็จะมีความเจ็บจากการอักเสบที่ใต้ผิวตามปกติ ขึ้นอยู่กับเครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้เช่นกัน

4. เทคนิคและฝีมือของแพทย์

แพทย์แต่ละคนจะมีเทคนิคดูดไขมัน และความหนักเบา ของน้ำหนักมือที่แตกต่างกัน ถ้าดูดไขมันแบบยาชา สามารถรับรู้ได้แน่นอน แต่ถ้าวางยาสลบ ก็ไม่ต้องห่วงเลย ไม่รู้สึกเจ็บแน่นอน ตื่นขึ้นมาสวยเลย!

ดูดไขมันอันตรายไหม? จะตายไหม?


ดูดไขมันแล้วตาย ต้องยกเป็น 2 กรณี 1 คือเสียชีวิตเพราะความเจ็บ และเสียเลือดมาก (เกิดขึ้นในสมัยก่อน) และ 2 คือ เสียชีวิตเพราะมาตรฐานของคลินิกดูดไขมัน (ไม่มีวิสัญญีแพทย์) ซึ่งการดูดไขมัน อันตรายไหม? ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกคลินิกของเราด้วย

เสียชีวิตจากความเจ็บ

ในสมัยนี้ เทคโนโลยีในการดูดไขมันได้ถูกพัฒนา เพื่อให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยลง และอำนวยความสะดวกให้กับแพทย์มากขึ้น ในสมัยก่อนนั้น วิธีการดูดไขมันเป็นการที่แพทย์ใช้ไซริ้งค์ และแรงมือกระทุ้งซ้ำ ๆ ในการสลายไขมัน เพื่อให้ไขมันแตกตัวออกจากกัน

ดังนั้น การดูดไขมันด้วยวิธีสมัยก่อน เข็มที่แทงเข้าไปในชั้นไขมันก็มีโอกาสสูงมากที่จะโดนเส้นเลือด เส้นประสาท เนื้อเยื่อเกี่ยวพันข้างเคียง รวมถึงหากแพทย์ไม่ระมัดระวัง หรือมีความเชี่ยวชาญไม่มากพอ ก็อาจแทงเข้าไปลึกจนถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนี้เอง จึงต้องดมยาสลบขณะดูดไขมัน เพราะการดูดไขมันแบบสมัยก่อน จะทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บมาก หากคนไข้รู้สึกตัวตื่นอยู่ อาจจะเจ็บจนทนไม่ได้ และอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ตามที่ออกข่าวกันในอดีต

เสียชีวิตเพราะมาตรฐานคลินิก

ในปัจจุบันมีคลินิกดูดไขมันเยอะมาก ทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า แพทย์ก็จะมีประสบการณ์จริงไม่จริงต่างกันไป รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วย ในสมัยนี้ ที่มีข่าวดูดไขมันแล้วตายนั้น ไม่ได้เกิดจากการดูดไขมัน แต่เกิดจากการที่คลินิกดังกล่าว ไร้มาตรฐานและจรรยาบรรณเป็นหลัก ๆ เลย ก็คือมีการดมยาสลบและวางยาสลบจริง แต่ทำโดยแพทย์ผ่าตัด ที่ไม่มีความรู้เฉพาะทางอย่างวิสัญญีแพทย์ หรือทำโดยพยาบาลทั่วไป เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ตรงนี้ มีเคสศัลยกรรมแล้วตายเยอะมาก

ลองสังเกตดูว่าคลินิกที่ท่านสนใจจะดูดไขมัน แบบวางยาสลบ มีค่าใช้จ่ายของวิสัญญีแพทย์เท่าไหร่ (ค่าวิสัญญีแพทย์วิชาชีพค่อนข้างสูง) ถ้าหลักพันหรือต่ำกว่าสองหมื่นบาท ต้องเช็คประวัติ เช็คหน้า สอบถามรายละเอียดให้ดี เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก ที่จะใช้แพทย์คนอื่น หรือพยาบาลในการวางยาสลบ

ทำไมวางยาสลลบ ถึงตาย?

ทำไมต้องที่ Amara Clinic ?

  • ศูนย์ดูดไขมัน เติมไขมัน ปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วน
  • มีเคสดูดไขมัน เติมไขมัน ด้วย body-jet เยอะที่สุดในไทย
  • มีเคสยกกระชับด้วย J Plasma เยอะที่สุดในทวีปเอเชีย
  • แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ระดับอาจารย์แพทย์
  • เครื่องมือทันสมัย เทคโนโลยีใหม่ เลือกมาดีที่สุด
  • เราเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนไข้ของเราทุกเคส
  • มีห้องผ่าตัด มาตรฐานระดับสากล (ปลอดเชื้อ 99.97%)
  • มีให้เลือกทั้งยาชา และ วางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์
  • มีบริการ After Care อย่างครบครัน ทุกขั้นตอน
  • มีห้องพักฟื้น VVIP และมีพยาบาลดูแลตลอด
  • มีรีวิวดูดไขมัน รีวิวเติมไขมัน เยอะที่สุด
คุยกับแพทย์ คลิกที่นี่
ทีมแพทย์ดูดไขมัน

ทีมแพทย์ Amara Clinic

หมอท็อป, หมอมะปราง, หมอไอซ์ และหมอไปร์ท

ทีมแพทย์ Amara Clinic เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านการดูดไขมันและการเติมไขมัน โดยตรงจากประเทศเกาหลีใต้ หลักสูตรการดูดไขมันระดับพื้นฐาน (Basic Liposuction ) และการดูดไขมันระดับสูง (Advance Liposuction) มีประสบการณ์ดูดไขมัน-เติมไขมันมาแล้ว หลายพันเคส ทำเฉพาะทางดูดไขมัน-เติมไขมันโดยตรง เน้นด้านการปรับรูปร่างโดยเฉพาะ จึงมีความเชี่ยวชาญมาก อีกทั้งยังมีความละเอียดและปราณีตสูง ใช้ระยะเวลาอย่างเต็มที่ ไม่รีบทำ ไม่เร่งเคส

เราคือศูนย์การสอนดูดไขมัน เติมไขมัน ด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet ประจำประเทศไทย (body-jet Education Center) โดยคุณหมอไอซ์ (นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์) และ คุณหมอมะปราง (พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์) KOL อาจารย์แพทย์ประจำประเทศไทย คลินิกไหนที่มีการดูดไขมันด้วยเครื่อง body-jet จะต้องมาเรียนดูดไขมัน-เติมไขมัน กับเรา!! แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ

รีวิวดูดไขมัน AMARA เจ็บน้อยแต่ผลลัพธ์สวยมาก!

ดูรีวิวก่อนหลัง เพิ่มเติม

สรุป

          หวังว่าบทความนี้ จะทำให้ทุกท่านได้คำตอบ สำหรับคำถามที่กังวลใจอย่าง ดูดไขมันเจ็บไหม?  Amara Clinic เราเป็นศูนย์ดูดไขมันเฉพาะทาง ดูแลเต็มที่ มีทั้งยาชา และวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ หากท่านสนใจ อยากดูดไขมันแบบไม่เจ็บ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอโดยตรงได้เลย โดยการติดต่อผ่านรายละเอียดข้างล่างนี้ หรือลงทะเบียนปรึกษาฟรี! ได้เลย (ใครที่ลังเลอยู่ว่าจะดูดไขมันไหมนะ? คุ้มค่าแค่ไหน? อ่านเพิ่มเติมที่นี่เลย >> ดูดไขมันดีไหม?)

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic

KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

ลงทะเบียน รับสิทธิพิเศษ!

รับสิทธิพิเศษของแถมมากมาย เมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นค่ะ


              บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย