ลดเหนียง 1 สัปดาห์ ลดยากแค่ไหนก็เอาอยู่ ด้วย 3 วิธีนี้

ลดเหนียง 1 สัปดาห์

        ปัญหาเหนียงเยอะ คางสองชั้น ก้มหน้าได้ไม่สุด ไม่ได้เกิดเฉพาะคนที่น้ำหนักเยอะหรือคนอ้วนเท่านั้นนะครับ แต่มันมีโอกาสเกิดได้กับทุกคน ไม่เลือกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รูปร่างอ้วนหรือผอม หรือแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังพบว่าคนที่อายุน้อย ๆ ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องเหนียงเยอะ ซึ่งบริเวณไขมันเหนียงเป็นอีกหนึ่สัดส่วนที่หลายคนเป็นกังวล

        เพราะนอกจากจะไม่สวยงามน่ามองแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัยจนทำให้หมดความมั่นใจได้อีกด้วยครับ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปครับ เหนียงมันมีที่มาที่ไป หากเรารู้ว่าเหนียงเกิดจากอะไร เราก็สามารถลดเหนียงอย่างตรงจุดได้ไม่ยาก วันนี้หมอมีเคล็ดลับในการลดเหนียง 1 สัปดาห์มาฝากกันครับ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำแล้วเห็นผลจริง ไม่ยุ่งยาก และยังมีความปลอดภัยอีกด้วยครับ

เหนียงเกิดจากอะไร


        “เหนียง” หรือ “คางสองชั้น” คือ ไขมันที่อยู่ในใต้ผิวหนังบริเวณใต้คางของเรา ซึ่งมีลักษณะเป็นผิวหนังที่หย่อนคล้อยห้อยลงมาที่คอ โดยส่วนมากแล้วเหนียงจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับน้ำหนักที่มากขึ้น แต่อย่างที่หมอเกริ่นไว้ข้างต้นเลยครับ ว่าไขมันเหนียงไม่ได้เกิดในคนที่อ้วนเท่านั้น คนผอม คนตัวเล็กก็มีเหนียงได้เหมือนกัน ซึ่งการเกิดเหนียงมีหลายปัจจัย เดี๋ยวเราลองมาเช็คกันหน่อยว่าเจ้าเหนียงใต้คอของเรามันมีสาเหตุเกิดจากอะไร จะได้แก้ได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วนั่นเอง

  • พันธุกรรม บางคนไม่ได้กินเยอะ รูปร่างก็สมส่วน แต่ทำไมถึงมีเหนียงได้ “กรรมพันธุ์” อาจเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีเลยครับ
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อย่างที่เค้าว่ากันว่า “You are what you eat” “กินยังไงก็ได้อย่างนั้น” ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณที่มากกว่าความต้องการของร่างกาย นับว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเหนียงใต้คอของเรา
  • ไม่ออกกำลังกาย เมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบการเผาผลาญไขมันในร่างกายก็ทำงานได้ลดลงไปด้วย ลองนึกภาพดูสิครับ ว่าปริมาณแคลอรี่ที่ได้จากการทานอาหารในแต่ละมื้อมันยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ แต่ร่างกายไม่เผาผลาญออกเลย ไขมันก็ยิ่งทบยอดไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เราควรต้องเพิ่มการเผาผลาญในร่างกายด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ข้อนี้หมอว่าทุกคนรู้ว่าดี แต่ชอบละเลย!
  • ความหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อ พบได้มากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินสูญเสียความตึงผิว ซึ่งในชั้นผิวและกล้ามเนื้อจะเกิดความหย่อนคล้อยลงเรื่อย ๆ 
  • คางเล็กและหุบ คนที่มีคางสั้น คางเล็ก คางหุบ เมื่อมองดูใบหน้าโดยรวมแล้วจะสังเกตเห็นไขมันใต้เหนียงออกมาได้มากกว่า

3 วิธีลดเหนียง 1 สัปดาห์


ควบคุมอาหาร

แน่นอนว่าการควบคุมอาหารเป็นปราการด่านแรกที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องงดแป้ง ไขมัน และน้ำตาลไปโดยสิ้นเชิงนะครับ เพียงแต่ต้องลดปริมาณลงให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ถ้านับแคลอรี่ได้จะดีมากเลยครับ ซึ่งนอกจากจะลดโอกาสที่จะเกิดเหนียงและเป็นการลดสัดส่วนทั่วร่างกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพแบบองค์รวม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรงจากภาวะโรคอ้วน อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายทั่ว ๆ ไปจะเป็นการลดน้ำหนัก ลดไขมัน และกระชับผิวแบบทั่วเรือนร่าง ไม่สามารถลดเฉพาะจุดได้ แต่ถ้าหากต้องการลดเหนียง 1 สัปดาห์จึงจำเป็นต้องอาศัย ท่าบริหารลดเหนียง 6 ท่า ที่ทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ข้อดีคือ ไม่ต้องเสียเงิน เพียงแต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ทำไป 1 อาทิตย์จะสังเกตได้เลยว่าเหนียงใต้คางที่หย่อนคล้อยจะค่อย ๆ กระชับขึ้นได้

ลดเหนียง 1 สัปดาห์
  • ท่าที่ 1 ท่าจูบ เริ่มต้นจากแหงนหน้าขึ้นและทำปากจู๋แบบจูบค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นลดคอก้มหน้ากลับสู่ท่าปกติ ทำแบบนี้เรื่อย ๆ 15 ครั้ง
ลดเหนียง 1 สัปดาห์
  • ท่าที่ 2 แลบลิ้น คอตั้งตรงมองไปด้านหน้า จากนั้นอ้าปากให้กว้างที่สุดและแลบลิ้นโดยพยายามดันลิ้นไปแตะที่คาง (ทำให้เกิดการเกร็งที่ใต้คาง) ทำค้างไว้ 5 วินาที แล้วหุบลิ้นและปิดปากกลับสู่ท่าปกติ ทำติดต่อกัน 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 3 ดันกราม ท่านี้จะคล้ายกับท่าที่ 1 โดยให้แหงนหน้าขึ้น จากนั้นให้ยืดคางและกรามไปด้านหน้า (ในลักษณะฟันล่างค่อมฟันบน) ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และกลับสู่ท่าปกติ ให้ทำทั้งหมด 10 ครั้ง
  • ท่าที่ 4 หมุนคอ อันดับแรกให้ก้มหน้าในลักษณะที่คางชิดกับหน้าอก จากนั้นให้หมุนคอไปด้านขวาค้างไว้ 5 วินาที แล้วหมุนคอไปด้านซ้ายค้างไว้ 5 วินาที ทำแบบนี้ 30 ครั้ง
  • ท่าที่ 5 ดันลิ้นแตะฟัน คอตั้งตรงแล้วมองไปด้านหน้า จากนั้นอ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วเอาลิ้นดันบริเวณด้านในของฟันล่าง หายใจเข้าและหายใจออกพร้อมออกเสียง “อา” ยาว ๆ 1 นาที 2 ครั้ง
  • ท่าที่ 6 ตบเหนียง ให้มองตรงไปด้านหน้าแล้วใช้หลังมือตีใต้คางเบา ๆ ทำแบบต่อเนื่อง 30 วินาที

ขอบคุณข้อมูลจาก wongnai.com

ลดเหนียงใต้คางด้วยวิธีทางการแพทย์


       อีกหนึ่งวิธีลดเหนียง 1 สัปดาห์อย่างรวดเร็วและเห็นผลทันที คงหนีไม่พ้นวิธีทางการแพทย์ ซึ่งในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมการยกกระชับผิวหนังโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เหมือนสมัยก่อน นั่นก็คือ “J Plasma โดยเป็นการเปิดแผลและใส่ท่อขนาดเล็ก จากนั้นปล่อยพลังงานพลาสมาที่มีความร้อนในระดับ 85 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่ทำให้เส้นใยที่ทำหน้าที่ยึดผิวเกิดการหดตัวได้ทันที รวมไปถึงยังเป็นระดับความร้อนที่กระจายไปยังผิวหนังชั้นบนเพียง 41 องศาเซลเซียส จึงไม่ทำให้ผิวหนังชั้นบนไหม้

       ส่วนใหญ่นิยมทำการยกกระชับด้วย J Plasma ควบคู่กับดูดไขมันเหนียง (ในรายที่มีไขมันส่วนเกินร่วมกับผิวหนังที่หย่อยคล้อย) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากหลังดูดไขมันจะเกิดโพรงช่องว่างระหว่างชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อด้าน ทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อยได้ โดยหลังทำ J Plasma ควบคู่กับการดูดไขมันจะทำให้เนื้อเยื่อยึดติดเข้าหากัน และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังแข็งแรงและกระชับมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

j plasma

       นอกจาก J Plasma จะสามารถทำควบคู่ไปกับการดูดไขมันได้แล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น หรือคุณแม่หลังคลอดบุตรที่มีผิวย้วยหย่อนคล้อย โดยสามารถทำได้ทั่วบริเวณในร่างกาย อาทิ หน้าท้อง แขน ขา ก้น รวมไปถึงบริเวณใบหน้าส่วนล่าง ลำคอ สำหรับใครที่มีปัญหาเหนียงออกเยอะก็สามารถทำ J Plasma เพื่อยกระชับกรอบหน้าให้ชัดขึ้นได้ เป็นวิธีการลดเหนียงใต้คางที่กำลังเป็นที่นิยมมากครับ เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่าง อาทิ ทำครั้งเดียวเห็นผล ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำ ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ แผลเล็กมาก หมดกังวลเรื่องรอยแผลเป็นเพราะที่ Amara Clinic คุณหมอจะใช้วิธีการปิดแผลด้วยเทคนิคซ่อนแผล 

       สำหรับคนที่มีเหนียงไม่มากและไม่อยากใช้วิธีการเปิดแผล คนไข้สามารถเลือกใช้วิธีนวดยกกระชับเหนียงได้ ด้วยเครื่องที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์หรือคลื่นวิทยุชนิดพิเศษ อาทิ HIFU และ Thermatight เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำครั้งเดียวอยู่ได้นาน 1-2 ปี รวมไปถึงอีกหนึ่งวิธีคือ “ฉีดแฟตสลายไขมันเหนียง” เป็นการฉีดตัวยาเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน ลดเซลลูไลท์ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เมื่อฉีดตัวยาเข้าไปจะทำให้เซลล์ไขมันตายและถูกขับออกมาทางระบบขับถ่าย ซึ่งให้ผลลัพธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์

ความรู้เพิ่มเติม : การดูดไขมันควบคู่กับการยกกระชับผิว เป็นอีกหนึ่งเทคนิคเฉพาะของ Amara Clinic ที่เรียกว่า Plasma Jet เป็นการผสานการดูดไขมันส่วนเกินออก และทำการกระชับผิวบริเวณนั้นให้เต่งตึงเรียบเนียนขึ้น ทำให้สัดส่วนเข้าที่ไว ทำครั้งเดียว เปิดแผลครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ (อ่านเพิ่มเติม Plasma Jet)

ข้อควรรู้ในการลดเหนียง

  • การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย อาจทำให้ลดเหนียง 1 สัปดาห์ได้ในรายที่มีไขมันเหนียงไม่เยอะมาก และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน เช่น การออกกำลังกายด้วยท่าลดเหนียงต้องทำอย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน บางคนใช้เวลาไม่นานก็ลดได้แล้ว แต่บางรายต้องใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์ เป็นเดือน หรือมากกว่านั้น
  • วิธีการนวดยกกระชับเหนียงด้วย HIFU หรือ Thermatight ให้ผลลัพธ์กึ่งถาวร ซึ่งหมายความว่าเหนียงใต้คางอาจกลับมาอีกได้หากคนไข้ละเลยการดูแลตัวเอง เช่น การรับประทานอาหารประเภทไขมันมากเกินไปและขาดการออกกำลังกาย
  • การนวดยกกระชับเหนียงด้วย HIFU หรือ Thermatight หรือ การฉีดแฟตสลายไขมันเหนียงจำเป็นต้องทำ 4-5 ครั้ง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันมาก ๆ
  • วิธีการยกกระชับเหนียงด้วย J Plasma สามารถลดเหนียง 1 สัปดาห์ได้ ซึ่งสามารถเห็นผลทันทีหลังทำ 10-30% และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดใน 3-6 เดือน ทำครั้งเดียวไม่ต้องกลับมาทำซ้ำ แต่จะต้องเลือกทำกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องระมัดระวังเรื่องเส้นประสาท เส้นเลือด และเนื้อเยื่อรอบข้างไม่ให้เกิดความเสียหาย

สรุป

           ท้ายนี้หมอเชื่อว่าทั้งการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการลดเหนียงใต้คางด้วยวิธีทางการแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาเหนียงได้ และจะดีมากยิ่งขึ้นหากทำทั้ง 3 วิธีควบคู่กันไป ซึ่งจะยิ่งทำให้สามารถลดเหนียง 1 สัปดาห์ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนวิธีทางการแพทย์ ใครจะเหมาะกับวิธีไหน หมออยากให้ลองเข้ามาพูดคุยปรึกษากับหมอกันก่อน เพื่อการวิเคราะห์และหาวิธีลดเหนียงที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน ทั้งนี้ก็เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยครับ

ปรึกษาแพทย์ ฟรี!

ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic

ปรึกษาคุณหมอได้ที่นี่ค่ะ

KOL Trainer
แพทย์ผู้สอนดูดไขมัน Water-jet

นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ (หมอไอซ์)

ลงทะเบียนปรึกษาฟรี!


              บทความนี้ จัดทำขึ้นโดย Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่บทความนี้ในนามอื่น (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, ข้อมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ตาม) โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย