การศัลยกรรมทุกอย่างมีความเสี่ยง มีผลข้างเคียง และอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ ไม่เพียงแต่การดูดไขมันเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการจะทำ อ่านแชร์ประสบการณ์จากคนที่เคยทำมาก่อน ดูรีวิว เช็คแพทย์ และตรวจสอบมาตรฐานคลินิกก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะทำที่ไหนดี ในวันนี้หมอจะมาพูดถึงกรณีของการดูดไขมันครับ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าดูดไขมันเสียชีวิตได้จริงเหรอ? มีเหตุผลอะไรบ้างที่จะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้? และมีวิธีการป้องกันอย่างไร? ติดตามอ่านต่อได้ในบทความนี้เลย! – หมอไอซ์ แพทย์ชำนาญการด้านดูดไขมันที่ Amara Clinic

ดูดไขมันอันตรายไหม และ น่ากลัวมากแค่ไหน?

      ดูดไขมันเสียชีวิตได้ไหม? ดูดไขมันอันตรายไหม? หมอต้องบอกว่าการศัลยกรรมทุกชนิดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ที่มีการเปิดแผลผ่าตัดหรือการใช้ยาสลบ ล้วนมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือดูดไขมันแล้วตายได้อยู่แล้วครับ แต่ในปัจจุบันนี้ หลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เทคโนโลยีได้ถูกพัฒนา หมอมีความรู้และประสบการณ์เยอะกว่าเมื่อก่อน โอกาสที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ดูดไขมันเสียชีวิตจึงมีน้อยลงมาก

      แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี! เพราะในปัจจุบันก็ยังมีคลินิกดูดไขมันบางแห่งที่ใช้แพทย์ปลอม ห้องผ่าตัดไม่ปลอดเชื้อ ไม่มีวิสัญญีแพทย์ และไม่ได้มาตรฐานอยู่ จึงทำให้บางคนเคยเห็นข่าวว่ามีคนไปดูดไขมันแล้วเสียชีวิตในปีที่ผ่านมาได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง เราจึงต้องเป็นคนสแกนและตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจดูดไขมันนั่นเองครับ

        สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการดูดไขมันเสียชีวิตขึ้น มีโอกาสเป็นไปได้หลาย ๆ อย่าง แต่กรณีที่พบบ่อยไม่ว่าจะเป็นการไปดูดไขมันเกาหลี ดูดไขมันที่ไทย หรือดูดไขมันที่ไหนก็ตาม จะมีความผิดพลาดตรงที่การวางยาสลบ โดยผู้ที่ไม่ใช่วิสัญญีแพทย์ และรวมไปถึงการดูดไขมันกับแพทย์ปลอม หรือคนทั่วไปที่สวมรอยเป็นแพทย์ เดี๋ยวหมอจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการดูดไขมันเสียชีวิตในหัวข้อถัดไปนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น จุดเริ่มต้นของความเสี่ยงอันตรายทั้งหลาย มักมาจากการเลือกคลินิกดูดไขมันราคาถูกเป็นหลัก หรือการเน้นของถูก โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยครับ

สาเหตุและโอกาสของการดูดไขมันแล้วตาย

       ถ้าพูดย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอดีต รวมมาถึงสมัยปัจจุบันนี้ สาเหตุที่ทำให้ดูดไขมันแล้วตายมีหลายอย่างมาก ยิ่งในสมัยก่อนการดูดไขมันยิ่งอันตรายครับ เพราะเครื่องมือเป็นรุ่นเก่า ไม่ได้มีการพัฒนามาเพื่อรองรับการดูดไขมันที่ดีเท่าไหร่นัก ตัวช่วยอื่น ๆ อย่างการใช้เครื่องดูดไขมันเพื่อทุ่นแรงแพทย์ตอนสลายไขมัน การใส่สารน้ำ Tumescent หรือรวมไปถึงการใช้ยาระงับความเจ็บปวดก็ไม่ได้มี หรือมีแต่ประสิทธิภาพไม่เท่ากับในปัจจุบัน จึงทำให้โอกาสในการดูดไขมันเสียชีวิตในเมื่อก่อนค่อนข้างสูง (จริง ๆ ศัลยกรรมอื่น ๆ ในสมัยก่อนก็เสี่ยงอันตรายเช่นเดียวกัน)

      ในปัจจุบันความเสี่ยงบางอย่างได้ลดลงไปจนแทบไม่เกิดขึ้นมาแล้ว อย่างที่หมอบอกไปเบื้องต้นว่าไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน “ของปลอม” หรือ “ของไม่มีคุณภาพ” มันก็ยังคงมีอยู่ตลอด ของพวกนี้แหละครับ ที่จะทำให้ต้นทุนของคลินิกดูดไขมันถูกลง จึงสามารถขายคอร์สในราคาต่ำกว่าท้องตลาดได้ ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าคลินิกดูดไขมันราคาถูก = ไม่ดี และเสี่ยงเสียชีวิตเสมอไป อาจจะมีคลินิกที่ราคาดีและดูดไขมันได้อย่างปลอดภัยอยู่ก็เป็นได้ เอาล่ะครับ เรามาดูสาเหตุที่ทำให้ดูดไขมันแล้วเสียชีวิตกันดีว่า ว่าจะเกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้าง?

ดูดไขมันโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญการ / แพทย์ปลอม

เรื่องของแพทย์ที่ทำให้ดูดไขมันเสียชีวิตได้หมอขอแบ่งออกเป็น 2 กรณีที่พบได้บ่อย คือการดูดไขมันกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญการ และดูดไขมันกับแพทย์ปลอมครับ

1. แพทย์จริง แต่ไม่ชำนาญการและมีประสบการณ์น้อย เคยดูดไขมันมาไม่กี่เคส หรือไม่ได้ทำด้านการดูดไขมันเป็นประจำ (เช่น ทำศัลยกรรมอื่นเป็นหลัก นาน ๆ ครั้งถึงดูดไขมันที) กรณีแบบนี้อาจทำให้เกิดการผิดพลาดอย่างการดูดไขมันผิดตำแหน่ง ดูดไขมันผิดชั้น ไม่ชำนาญการในการใช้เครื่องมือ จนทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆ เช่น ดูดไขมันเยอะจนเกินไป, ตั้งค่าพลังงานความร้อนสูงมากจนผิวไหม้ หรืออวัยวะภายในช่องท้องได้รับการบาดเจ็บ เป็นต้น ซึ่งถ้าถามว่ากรณีที่อวัยวะภายในเสียหายและทำให้เกิดเลือดคั่งนี้ เกิดขึ้นได้ง่ายมั้ย? บอกตามตรงจริง ๆ ก็ยากมากครับ เพราะจากชั้นไขมันไปยังอวัยวะภายใน จะมีกล้ามเนื้อหน้าท้องขวางกั้นอยู่ ดังนั้น ถ้าไม่ได้ตั้งใจทำ หรือกระทุ้งท่อดูดไขมันแรงจริง ๆ ไม่เกิดขึ้นแน่นอนครับ
2. แพทย์ปลอม หรือคนปกติทั่วไปปลอมแปลงเอกสารและเป็นแพทย์ อันนี้อันตรายกว่ากรณีแรกอีกนะครับ เพราะใครก็ไม่รู้มาเปิดแผลผ่าตัดมาดูดไขมันให้เรา ความรู้พื้นฐานอะไรก็ไม่มีเลย ดูดไขมันแบบมั่ว ๆ คือน่ากลัวมาก ๆ ครับ อาจทำให้ระหว่างดูดไขมันเสียชีวิตได้เลย วิธีป้องกันกรณีแบบนี้ คือการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เช็คประวัติแพทย์ทุกครั้ง ดูรีวิวดูดไขมันหรือผลงานจริง และดูประสบการณ์ของแพทย์ อย่ารีบร้อนตกลงทำ เพียงเพราะเห็นว่ามีราคาถูกที่สุด

ทั้งนี้ ในประเทศไทยจะไม่ได้มีแพทย์เฉพาะทางทางด้านดูดไขมัน และ เติมไขมัน แม้แต่ศัลยแพทย์เองก็ต้องมีการเข้าคอร์สเพื่อเรียนด้านนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น อาจจะไม่ได้จำเป็นที่จะต้องโฟกัสว่าเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ แต่ควรโฟกัสที่ความชำนาญการ ฝีมือ ประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ และผลงานของแพทย์เป็นหลัก

การวางยาสลบ โดยผู้ที่ไม่ใช่วิสัญญีแพทย์

คนส่วนใหญ่ก็จะกลัวความเจ็บกันใช่ไหมครับ ถ้าถามว่าการดูดไขมันเจ็บไหม? เจ็บแน่นอนครับผม แต่ว่าระดับความเจ็บของแต่ละเคสจะไม่เหมือนกันนะ ขึ้นอยู่กับว่าใช้เครื่องดูดไขมันเครื่องไหน คนไข้ทนต่อความเจ็บไหม? และถ้าใครที่กังวลมาก ๆ หมอจะแนะนำให้ดูดไขมันแบบวางยาสลบเลย ซึ่งทำให้สัดส่วนของเคสที่เลือกวางยาสลบในระหว่างดูดไขมันมีค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการดูดไขมันแบบยาชาครับ

ผู้อ่านทราบไหมครับว่าถ้าเราจะถูกวางยาสลบหรือดมยาสลบ คนที่ให้ยาสลบกับเราต้องเป็นใคร? คำตอบคือ “วิสัญญีแพทย์วิชาชีพ” เท่านั้น! หมอเคยเห็นบางคลินิกแจ้งว่าแพทย์ดูดไขมันเป็นคนให้ยาสลบเอง อันนี้ค่อนข้างน่ากังวลนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหมอที่ทำการดูดไขมัน หรือพยาบาลก็ตาม ไม่สามารถให้ยาสลบแก่คนไข้และเฝ้าระวังได้ปลอดภัยเท่ากับวิสัญญีแพทย์ วิสัญญีแพทย์เป็นผู้ที่คอยเฝ้าระวังอาการ อยู่ระหว่างความเป็นกับความตายของคนไข้ และต้องดูแลคนไข้แบบ 1:1 ด้วย ด้วยเหตุนี้ ค่าใช้จ่ายในการวางยาสลบจึงค่อนข้างสูง หมอแนะนำว่าอย่างกกับเรื่องนี้ เพราะมีข่าวเยอะมาก ทั้งในประเทศไทยทั้งในต่างประเทศ คนที่ศัลยกรรมหรือดูดไขมันเสียชีวิตในระหว่างผ่าตัด มักจะมีสาเหตุมาจากการไม่ได้รับยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ หรือวิสัญญีแพทย์ 1 คน ดูแลคนไข้หลาย ๆ คนพร้อมกันนั่นเอง

ร่างกายได้รับยาชามากเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันแบบยาชาหรือวางยาสลบ จะต้องมีการใช้ยาชาอยู่แล้ว โดยยาชาจะถูกใส่เข้าไปในบริเวณที่จะทำการดูดไขมันพร้อม ๆ กับสารน้ำอื่น ๆ อย่างน้ำเกลือ และอะดรีนาลีน ซึ่งเราจะเรียกสารน้ำเหล่านี้ว่า Tumescent โดยเคสดูดไขมันแต่ละเคสจะมีการใช้ปริมาณของยาชาไม่เท่ากัน หากมีการใส่ยาชามากเกินไป อาจทำให้ร่างกายผิดปกติและมีผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น อาการชารอบปาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชัก หรือหัวใจหยุดเต้น ทั้งนี้ มักจะเกิดขึ้นหลังจากดูดไขมันเสร็จไปแล้วหลายชั่วโมง ไม่ใช่ในระหว่างดูดไขมัน ถ้าจะให้ดีแนะนำให้นอนพักฟื้นร่างกายที่คลินิกเพื่อดูอาการก่อน แล้วค่อยกลับบ้านเมื่ออาการดีขึ้นครับ

การสูญเสียน้ำของร่างกาย

การดูดไขมันในแต่ละครั้งจะมีปริมาณที่เหมาะสมอยู่ หากดูดไขมันออกมามากกว่า 5,000 – 7,000 cc (Mega Liposuction) อาจทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายได้ เช่น ร่างกายเสียสมดุลของน้ำ เกิดภาวะช็อก หรือหน้ามือเป็นลมหมดสติ เป็นต้น สูตรการคำนวณมีหลายอย่างแล้วแต่ว่าแพทย์แต่ละคนจะใช้สูตรไหนนะครับ บางคนก็นำน้ำหนักของคนไข้ x 100 = ปริมาณของไขมันที่สามารถดูดออกมาได้ในหนึ่งครั้ง จึงทำให้คนไข้แต่ละคนสามารถดูดไขมันในหนึ่งครั้งได้มากน้อยไม่เท่ากันนั่นเอง

ผลข้างเคียงของการดูดไขมันที่ต้องระวัง

ผลข้างเคียงหลังดูดไขมันที่ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจและอาจเกิดขึ้นได้ กับการดูดไขมันโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ คลินิกไม่ได้มาตรฐาน และมีการดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้อง นอกเหนือจากการเสียชีวิต มีดังนี้

• ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ จับแล้วย้วยออกมา เกิดจากการที่ดูดไขมันออกมาในปริมาณมาก แล้วไม่สวมชุดกระชับเป็นประจำ รวมไม่ถึงไม่นวดกระชับ RF ด้วย ทั้งนี้ ในเคสที่มีโอกาสที่ผิวจะหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน ตัวหมอเองก็จะแจ้งคนไข้ไปตรง ๆ และแนะนำให้ทำกระชับด้วยพลัง Plasma เพิ่ม หากคนไข้ไม่ต้องการทำกระชับเพิ่ม ก็จะต้องมีวินัยในการสวมชุดกระชับตามที่หมอแนะนำ สภาพผิวจึงจะไม่ย้วยครับ
• หลังดูดไขมันผิวไม่เรียบและเป็นคลื่น เกิดได้จากการที่แพทย์ดูดไขมันออกมากเกินไปในบางจุด ทำให้ชั้นไขมันไม่เรียบเสมอกัน หรือรวมไปถึงการทำชั้นผิวหนังหนังบางลง ทำให้เกิดเป็นปัญหาผิวคลื่นหลังดูดไขมันขึ้นมา โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการใช้เครื่องดูดไขมันพลังความร้อน และตั้งค่าพลังงานในระดับที่สูงมากเกินไป วิธีแก้ไขคือการนวด RF อย่างต่อเนื่อง การสวมชุดกระชับหลังดูดไขมัน หรือการเติมไขมันเข้าไปในตำแหน่งที่มีความเว้าบุ๋มร่วมด้วย

• แผลติดเชื้อ เกิดได้จากการที่ห้องผ่าตัดไม่สะอาด เครื่องมือไม่ได้รับการฆ่าเชื้อที่ดี ขั้นตอนการดูดไขมันไม่ปลอดเชื้อ และรวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันของคนไข้ที่ไม่ค่อยดีนักด้วยครับ เช่น ไม่ทำความสะอาดแผลทุกวัน ปล่อยให้น้ำเข้าแผล แผลอับชื้นเกินไป กินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการกินอาหารที่ไม่สะอาด เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้จะทำให้แผลหายช้า อับชื้น แฉะ และเริ่มติดเชื้อขึ้น

Checklist วิธีเลือกคลินิกดูดไขมัน ไม่ให้เสี่ยงอันตราย

ปัจจุบันนี้ก็มีคลินิกดูดไขมันหลายแห่งมาก ๆ ทุกแห่งย่อมมีการโฆษณาเพื่อให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูดีอยู่แล้วนะครับ แต่ใช่ว่าทุกคลินิกจะมีสิ่งต่าง ๆ ตามที่โฆษณาออกไปจริง ๆ บางแห่งก็บอกว่าห้องผ่าตัดได้มาตรฐานนะ ปลอดเชื้อด้วย แต่เอาเข้าจริงกับเป็นห้องธรรมดา มีแอร์ปกติ ไม่ได้มีระบบที่สำคัญในห้องผ่าตัดเลย อันนี้ก็อันตรายนะครับ หนำซ้ำบางแห่งยังหลอกลวงคนไข้ว่าจะดูดไขมันให้ แต่เอาเข้าจริงแทบไม่ดูดเลยก็มี แถมในบางครั้งได้ขาเบี้ยวแขนเว้ากลับมาอีก จนต้องหาคลินิกแก้ทีหลัง เอาล่ะครับ เราจะเลือกดูดไขมันที่ไหนดี? ถ้าอยากรู้ลองมา Checklist การเลือกคลินิกดูดไขมันไม่ให้เสี่ยงอันตรายตามนี้ได้เลย! 

• ตรวจสอบว่าเป็นแพทย์จริง มีความชำนาญการในด้านการดูดไขมัน และมีประสบการณ์มานาน
• ดูรีวิวดูดไขมันจากคนไข้จริง ทั้งภาพนิ่ง ภาพถ่ายแบบเปรียบเทียบ วิดีโอ และไลฟ์สดหลังดูดไขมัน
• ตรวจเช็คว่าห้องผ่าตัดได้มาตรฐานไหม? ซึ่งห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานและปลอดเชื้อ จะมีระบบต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Positive Pressure, แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ระบบไฟฟ้าสำรอง, ระบบระบายแก๊สส่วนเกิน และเครื่องมือช่วยชีวิตฉุกเฉิน เป็นต้น (อ่านต่อได้ที่นี่ >> ห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานต้องมีอะไรบ้าง?)
• ใครเป็นคนวางยาสลบ? ขอชื่อและภาพวิสัญญีแพทย์มาเช็คได้เลยนะครับ ถ้าเป็นแพทย์ธรรมดา พยาบาล หรือให้คำตอบไม่ได้ ให้คิดว่าก่อนว่าไม่น่าไว้ใจครับ
• บริการที่เราจะได้รับมีอะไรบ้าง? คลินิกดูแลใส่ใจแค่ก่อนดูดไขมัน หรือรวมไปถึงหลังดูดไขมันด้วย? ทั้งนี้ คลินิกดูดไขมันควรมีบริการ After Care ที่สำคัญอย่างชุดกระชับส่วน, บริการทำแผลตัดไหม, ฉายแสง LED ลดบวม, นวดกระชับหลังดูดไขมัน, บริการเลเซอร์รอยแผล และเซ็ตยาต่าง ๆ ให้ด้วย