สมัยนี้เทรนด์การลดน้ำหนักเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในคุณผู้หญิงรวมไปถึงหมอด้วยค่ะ เช่น ลดน้ำหนักแบบ IF หรือการทานอาหารคีโต เพราะเป็นธรรมดาค่ะที่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ต้องห่วงเรื่องการแต่งตัวและความมั่นใจในการเข้าสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น เรื่องนี้ทำให้หมอนึกย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน หมอได้มีโอกาสคุยกับคนรู้จักคนหนึ่งซึ่งมีลูกสาววัยรุ่นที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัว หรือกลัวอ้วนจนไม่กินอะไรเลย ทานช้อนสองช้อนก็ไม่ทานแล้ว
รวมไปถึงใช้ยาลดน้ำหนักเถื่อน จนวันหนึ่งน้ำหนักตัวลดลงจนผอมติดกระดูก มีปัญหาอวัยวะล้มเหลวจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ในที่สุดก็ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็น “โรคคลั่งผอม” ซึ่งวันนี้หมอเลยอยากจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้ว่า โรคคลั่งผอม หรือ Anorexia คืออะไร? โรคคลั่งผอมเกิดจากอะไร? โรคคลั่งผอม อาการเป็นอย่างไร? อันตรายถึงชีวิตจริงหรือไม่? พร้อมเช็คลิสต์ความเสี่ยงว่าเราเข้าข่ายเป็นโรคคลั่งผอมแล้วหรือยัง รวมไปถึงแนวทางการรักษาโรคคลั่งผอมค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เทรนด์ลดน้ำหนักด้วย “กินไขมันลดไขมัน” ต้องกินอย่างไร หาคำตอบได้ที่ อาหารคีโตคืออะไร

Eating Disorder คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐาน หรือน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานจนเกินไปและส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตค่ะ โดยมีลักษณะพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ส่งผลเสียกับสุขภาพร่างกาย โดยมักมีเรื่องเกี่ยวกับจิตเวชร่วมด้วย อาทิ โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, โรคย้ำคิดย้ำทำ ฯลฯ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 โรค ได้แก่
- Anorexia Nervosa โรคคลั่งผอม ใช้การอดอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
- Bulimia Nervosa โรคบูลิเมีย เป็นโรคคลั่งผอม ทานอาหารปกติแต่ล้วงคอ หรือใช้ยาระบาย เพื่อขจัดอาหารออกจากร่างกาย
- Binge Eating Disorder โรคกินไม่หยุด ทานอาหารปริมาณมาก ๆ แบบผิดปกติซ้ำ ๆ หลายครั้ง โดยควบคุมไม่ได้
โรคคลั่งผอม หรือ Anorexia Nervosa คือ พฤติกรรมการทานอาหารที่มักมีสาเหตุจากอาการเบื่ออาหาร หรือพยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหาร ซึ่งลักษณะการรับประทานอาหาร คือ จำกัดให้แคลอรี่ต่ำเกินกว่าปกติ หรือแม้กระทั่งการอดอาหารไปเลย โดยส่วนใหญ่คนไข้มักมีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างและน้ำหนักตัวมากจนเกินไป จะคิดแค่ว่าตัวเองอ้วนเกินไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อ้วนอะไร กลัวโดนเพื่อนล้อ จนต้องทำให้ตัวเองดูดีและสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา (Perfectionist)
กรณีตัวอย่าง ประสบการณ์จากโรคคลั่งผอม
หมอจะขอยกตัวอย่างของกรณีวัยรุ่นชาวต่างประเทศท่านหนึ่ง “Hannah Koestler” ที่เคยตกอยู่ในภาวะของโรคคลั่งผอมทีส่งผลเสียต่อร่างกายจนเฉียดตายมาแล้วค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก : dailymail.co.uk
Hannah Koestler สาววัย 22 ปี ที่มีค่า BMI เพียง 11 เท่านั้น! ตอนแรกที่หมอได้อ่านข่าวนี้ยังถึงกับช็อคเลยค่ะ ค่า BMI 11 ถือว่าต่ำสุด ๆ ชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายสุด ๆ เช่นกันค่ะ โดยปกติแล้วเกณฑ์มาตรฐานของดัชนีมวลกาย หรือ BMI จะอยู่ที่ 18.60-22.90 นอกจากนี้พฤติกรรมรับประทานอาหารหารของ Hannah Koestler ก็ถือว่าน่าตกใจมากเช่นกันค่ะ โดยวัน ๆ นึงเธอจะจำกัดการทานอาหารเพียง 100 กิโลแคลอรี่ต่อวันเท่านั้น ทั้งที่โดยปกติทั่วไปแล้ว ร่างกายคนเราจะต้องการปริมาณแคลอรี่ไม่เกิน 2,000 กิโลแคลอรี่/วัน (ในผู้หญิง) และไม่เกิน 2,500 กิโลแคลอรี่/วัน (ในผู้ชาย)
โดยจุดเริ่มต้นของโรคคลั่งผอม Hannah Koestler เกิดจากอาการเบื่ออาหารที่เธอต้องเจอจากภาวะกังวลใจที่ครอบครัวของเธอต้องย้ายประเทศบ่อย ทำให้เธอเกิดอาการกังวลว่าการย้ายโรงเรียนบ่อย ๆ จะทำให้เธอไม่มีเพื่อนสนิท คบใครไม่ได้นานก็ต้องย้าย ภาวะทางด้านจิตใจนี่เอง ทำให้เธอเกิดอาการเบื่ออาหาร และรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมเรื่องที่เธอต้องเผชิญอยู่ได้ แต่เธอกลับใช้วิธีควบคุมการทานอาหารของเธอแทนค่ะ
แต่กว่า Hannah Koestler จะรู้ตัวว่าร่างกายของเธอเข้าขั้นวิกฤติแล้ว เธอก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยภาวะอวัยวะล้มเหลวค่ะ ด้วยเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนี้ ทำให้ Hannah Koestler หันมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยกลับมารับประทานอาหารเหมือนเดิมจนน้ำหนักตัวและค่า BMI อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมกับชีวิตใหม่ที่สดใสยิ่งกว่าเดิมค่ะ
เกร็ดความรู้ Anorexia และ Bulimia ต่างกันอย่างไร?
Anorexia และ Bulimia เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของ Eating Disorder คือ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ และมีความกังวลเรื่องน้ำหนักตัวและรูปร่าง กลัวอ้วนตลอดเวลา ซึ่งเป็นทัศนะคติที่เหมือนกันทั้งคู่ค่ะ เพียงแต่ Anorexia คือ การทานอาหารในปริมาณที่น้อยมาก ๆ หลีกเลี่ยงการทานอาหาร หรือบางทีก็อดอาหารไปเลย ในทางกลับกัน Bulimia จะทานทุกอย่างที่อยากทาน แล้วสุดท้ายต้องไปล้วงคอให้อาเจียนออกเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดที่ทานอาหารเข้าไป .. อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : โรคล้วงคอ หรือ โรค Bulimia
สาเหตุของโรคคลั่งผอม
ปัจจัยของการเกิดโรคคลั่งผอม หรือ Anorexia คือ เรื่องของพันธุกรรม, ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง, ด้านจิตใจ, สภาพสังคมและวัฒนธรรม รวมไปถึงค่านิยมต่าง ๆ ในสังคม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักพบปัญหาของโรคคลั่งผอมในวัยรุ่นผู้หญิงค่ะ
พันธุกรรม
จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า โรคนี้เกี่ยวข้องกับยีนบางตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรค เช่น ในกรณีที่มีพี่น้องฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน หากคนใดคนหนึ่งเป็นโรคคลั่งผอม ก็มักจะพบว่าแฝดอีกคนจะมีโอกาสเป็นโรคคลั่งผอมได้เช่นกัน รวมไปถึงมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคคลั่งผอม คนไข้ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ตามไปด้วยค่ะ
ความผิดปกติของสารสื่อประสาท
เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว ควบคุมความอิ่ม ทำให้คนไข้มีความรู้สึกหิวที่มากถึงขีดสุด กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หิวตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นที่มาของโรคกินไม่หยุด (Binge Eating Disorder) หรือรู้สึกหิวน้อยมาก เบื่ออาหาร จนนำไปสู่โรคคลั่งผอม (Anorexia)
ด้านจิตใจ
โดยส่วนใหญ่แล้ว คนไข้ที่เป็นโรคคลั่งผอมจะมีภาวะอารณ์บางอย่างร่วมด้วย เช่น คนที่มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า, เป็นโรควิตกังวล, โรคเครียด, โรคย้ำคิดย้ำทำ, คนที่มีความคาดหวังในตัวเองสูง หรือเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในชีวิต (Perfectionism) เมื่อรู้สึกว่าตัวเองน้ำหนักเยอะ น้ำหนักเกิน ก็จะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ตัวเองไม่อ้วนและดูดีอยู่เสมอ จึงจะทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจได้ค่ะ
สภาพแวดล้อมและค่านิยม
สภาพแวดล้อมและสังคมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาและรูปร่าง ด้วยค่านิยมว่าผิวต้องขาวใส การแต่งตัวต้องตามเทรนด์อยู่เสมอ รวมไปถึงรูปร่างผอมเพรียว ยิ่งสมัยนี้วัยรุ่นหญิงหลายคนเคยโดนล้อ โดนบูลลี่ ได้รับแรงกดดันจากเพื่อน ๆ ในกลุ่ม จึงเกิดเป็นความเชื่อผิด ๆ ว่าต้องผอม ยิ่งผอมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใส่เสื้อผ้าสวย ถ่ายรูปสวย หลายคนถึงกับต้องอดอาหาร กินแล้วก็ไปล้วงคอเอาออก ซึ่งนำไปสู่การเสพติดความผอม และโรคคลั่งผอมที่มักพบได้ในวัยรุ่นผู้หญิงค่ะ
Check List เข้าข่ายเป็นโรคคลั่งผอมหรือยัง

คราวนี้เราลองมาเช็คกันหน่อยค่ะว่า ตัวเราเองหรือคนรอบข้างเราเข้าข่ายเป็นโรคคลั่งผอมหรือยัง ซึ่งจะเรียกว่าเป็นแบบทดสอบโรคคลั่งผอมก็ย่อมได้ โดยส่วนใหญ่โรคคลั่งผอม อาการที่สังเกตได้จะมีหลัก ๆ คือ โรคคลั่งผอม อาการที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรม อารมณ์ และความรู้สึกค่ะ โดยอาการของโรค Anorexia คือ อาการของสุขภาพร่างกาย และอาการทางอารมณ์ รวมไปถึงพฤติกรรมค่ะ
- กังวลเรื่องน้ำหนักตัว มองว่าตัวเองอ้วน ทั้งที่ความจริงน้ำหนักน้อย
- พะวงเรื่องการนับปริมาณแคลอรี่มากจนเกินไป
- พยายามเลี่ยงการรับประทานอาหาร
- ตัดสารอาหารบางชนิดออกไปโดยสิ้งเชิง เช่น คาร์โบไฮเดรตและไขมัน
- นอนไม่หลับ
- กระดูกเปราะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะทำให้กระดูกหักง่าย
- ทนกับอากาศหนาว ๆ ไม่ได้
- เบื่ออาหาร
- ชอบส่องกระจก วัดรูปร่างบ่อยครั้ง พยายามจับตามสัดส่วนว่ามีไขมันอยู่มากน้อยเพียงใด
- มีภาวะทางอารมณ์อื่น ๆ เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, สมาธิสั้น, หุนหันพลันแล่น, ชอบความสมบูรณ์แบบจนเกินไป, คาดหวังในตัวเองสูงมาก
- ไม่เคยพอใจในรูปร่างของตัวเอง ทั้งที่มีน้ำหนักที่ผอมผิดปกติ
- กินน้อย อดอาหาร ออกกำลังกายหนักเกินไป
อันตรายของโรคคลั่งผอม
เนื่องจากสาเหตุของโรคคลั่งผอมจะเกิดร่วมกับภาวะทางจิตใจ ฉะนั้น คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคคลั่งผอมจะส่งผลให้เกิดภาวะความเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ โดยหมอจะขอแยกเป็นอาการแทรกซ้อนในโรคคลั่งผอมที่เกิดขึ้นกับร่างกาย และอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับจิตใจค่ะ
ผลกระทบต่อร่างกาย
- โลหิตจาง ตัวซีด ผิวพรรณเหี่ยวแห้ง
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย เช่น ท้องผูก, ท้องอืด และคลื่นไส้
- ประจำเดือนไม่มา
- นอนไม่หลับ
- อ่อนเพลีย
- มึนงง เวียนศีรษะ เหมือนจะลมอยู่ตลอดเวลา
- ผมบาง ผมร่วง มีขนอ่อนขึ้นตามร่างกาย
- ขาดสารอาหาร
- ความดันโลหิตต่ำ
- หัวใจเต้นช้าผิดปกติ
- สมาธิสั้น ความจำไม่ดี
- เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก
- เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เช่น หัวใจวาย
ผลกระทบต่อจิตใจ
- หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
- มีความเครียดและหมกมุ่นเกี่ยวกับรูปร่างตลอดเวลา
- เก็บตัว ไม่เข้าสังคม
- ความรู้สึกทางเพศลดน้อยลง ไม่สนใจเรื่องเพศ
- ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน
- มีแนวโน้มคิดฆ่าตัวตาย
การตรวจวินิจฉัยโรคคลั่งผอม
สำหรับการการตรวจวินิจฉัยโรคคลั่งผอมจำเป็นต้องใช้วิธีตรวจร่างกาย, ตรวจทางห้องปฎิบัติการ, การตรวจทางด้านจิตวิทยา รวมไปถึงตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ ตามความเสี่ยงที่เกิดจากโรคคลั่งผอม โดยเริ่มต้นจะเป็นการพูดคุยซักประวัติอาการต่าง ๆ เช่น ประวัติการล้วงคอหลังทานอาหาร, ความสม่ำเสมอของประจำเดือน หรือความกังวลเรื่องน้ำหนักตัวและรูปร่างค่ะ
การตรวจร่างกาย
โดยส่วนใหญ่เป็นการหาค่า BMI ซึ่งโดยปกติแล้ว คนไข้ที่อยู่ในภาวะโรคคลั่งผอมจะมีค่า BMI ที่ต่ำกว่ามาตรฐานค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่มักจะน้อยกว่า 18.5 ถือว่าผอมมากว่าปกติค่อนข้างมากและเสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารค่ะ ต่อมาเป็นการตรวจสุขภาพอื่น ๆ เช่น การตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจ, ฟังเสียงปอด, ดูสุขภาพผิว เล็บ ผม ฯลฯ
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
คนไข้ที่เป็นโรคคลั่งผอมจะประสบกับปัญหาเรื่องระบบการทำงานภายในร่างกายอย่างหนัก จึงต้องมีการปัสสาวะและตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ที่อาจตามมากับโรคคลั่งผอม เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC), การตรวจค่าอิเล็กโทรไลต์ เพื่อหาแร่ธาตุและสารละลายในร่างกาย, ตรวจหาโปรตีนในเลือด รวมไปถึงการทำงานของตับ ไต และต่อมไทรอยด์
การตรวจทางด้านจิตวิทยา
อย่างที่หมออธิบายในข้างต้นนะคะว่า โรคคลั่งผอม Anorexia คือ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติที่เกิดจากปัญหาทางด้านจิตใจร่วมด้วยค่ะ ดังนั้นจึงต้องมีการพูดคุยถึงปัญหาที่คนไข้วิตกกังวล เพื่อตรวจประเมินทางด้านจิตวิทยาโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
การตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ
อาการข้างเคียงของโรคคลั่งผอมมีอยู่หลากหลายค่ะ เนื่องจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ทำลายระบบการทำงานภายในอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพเช่นกัน อาทิ เรื่องกระดูก, หัวใจ และปอด ดังนั้นแพทย์จึงต้องทำการตรวจเอกซเรย์ตรวจหาความหนาแน่นของมวลกระดูก, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ฯลฯ

การรักษาโรคคลั่งผอม
สำหรับแนวทางการรักษาโรคคลั่งผอม ต้องทำการรักษาทางด้านจิตวิทยาร่วมกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานใหม่ทั้งหมดค่ะ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงร่วมกัน อาทิ จิตแพทย์, นักโภชนาการ, อายุรแพทย์, พยาบาลพิเศษ หรืออาจมีกุมารแพทย์ (หมอเด็ก) เข้ามาร่วมให้คำปรึกษาด้วยค่ะ เนื่องจากโรคคลั่งผอมมักจะพบได้ในวัยรุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
โดยการรักษาจะมีตั้งแต่การพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อปรับสภาพจิตใจและปรับทัศนคติของคนไข้ใหม่ และการบำบัดร่วมกับครอบครัวและคนรอบข้างของคนไข้ เพื่อให้ครอบครัวได้เข้าใจภาวะที่คนไข้ต้องเผชิญ สุดท้ายแล้วครอบครัวต้องช่วยเหลือและเป็นกำลังใจคนไข้โรคคลั่งผอมได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ รวมไปถึงแพทย์มีการพิจารณาให้คนไข้ใช้ยารักษาร่วมด้วย เช่น ยารักษาซึมเศร้า, ลดความวิตกกังวล, โรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งยาในกลุ่มนี้จะมีผลให้คนไข้ได้ผ่อนคลาย ทำให้น้ำหนักตัวกลับมาเพิ่มขึ้นค่ะ
เกร็ดความรู้ ความสบายใจ ผ่อนคลาย ตัวช่วยรักษาโรคคลั่งผอม
นอกจากนี้ การรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อให้คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคคลั่งผอมเกิดความผ่อนคลาย รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น อาทิ การนวดผ่อนคลาย, การฝังเข็ม, โยคะ หรือแม้กระทั่งการนั่งสมาธิ
ปรับพฤติกรรมการกิน ลดน้ำหนักแบบไม่เสียสุขภาพ
การลดน้ำหนักโดยที่ไม่ต้องอดอาหารให้ทรมาณและยังมีสุขภาพแข็งแรงที่หมออยากแนะนำนั่นก็คือ “การลดน้ำหนักแบบนับแคลอรี่” เพราะการนับแคลอรี่จะช่วยให้เรารักษาน้ำหนักตัวได้อย่างคงที่และมีสุขภาพดีทั่วร่างกาย โดยเราไม่ต้องอดอาหาร ทานอาหารได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพียงแต่ต้องอาศัยการจัดสรรปริมาณสารอาหารให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการใช้เป็นพลังงานในแต่ละวัน โดยที่ไม่เหลือพลังงานตกค้างให้เป็นภาระกับระบบเผาผลาญอีกด้วย โดยมีหลักการง่าย ๆ นั่นก็คือ “กินน้อยกว่าใช้” ซึ่งใน 1 วัน ร่างกายของผู้หญิงจะต้องการพลังงานไม่เกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ ส่วนในผู้ชายจะต้องการไม่เกิน 2,500 กิโลแคลอรี่ และแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายวันละ 30-45 นาทีเพื่อเร่งการเผาผลาญพลังงานได้มากยิ่งขึ้นและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและหัวใจค่ะ

นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งวิธีควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ให้ผลในการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างยั่งยืน นั่นก็คือ “ปากกาลดน้ำหนัก Amara Pen” เหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถควบคุมความหิวของตัวเองได้ อยากลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน โดยที่ยังมีสุขภาพที่ดีอยู่
โดยหลักการทำงานของปากกาลดน้ำหนักคือ ในปากกาลดน้ำหนักจะมีตัวยาที่ช่วยสั่งการที่สมองส่วนควบคุมหิว-อิ่มในร่างกาย ทำให้คนไข้รู้สึกอิ่มไวขึ้น ทานครั้งนึงอยู่ท้องได้นานขึ้น จึงมีผลให้เราทานอาหารได้น้อยลง เป็นการจำกัดแคลอรี่ไม่ให้มากเกินความจำเป็น
เมื่อเราทานอาหารได้น้อยลง ไม่ทานจุกจิก น้ำหนักเราก็จะลดลง และยังส่งผลให้กระเพาะอาหารเล็กลงตามไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้อย่างยั่งยืนและที่สำคัญเลยคือ ที่ Amara Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะดูแลและควบคุมปริมาณการใช้ยาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย ฉะนั่นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายค่ะ

“ไม้เด็ด” กำจัดไขมัน รูปร่างสมส่วน
นอกจากเรื่องน้ำหนักตัวที่สมดุลแล้ว ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องรูปร่างที่สมส่วนก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สาว ๆ หลายคนอยากมี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองเมื่อต้องเข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง และเมื่อต้องอยู่กับแฟนหรือคนรัก แต่ทั้งนี้เรื่องไขมันสะสมเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากสำหรับบางคนนะคะ
เนื่องจากต้องอาศัยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารเป็นหลัก ในคนไข้บางรายลงทุนจ้างเทรนเนอร์แพง ๆ เพื่อการออกกำลังกายกำจัดไขมัน แต่ไขมันก็ยังคงหลงเหลืออยู่ การกำจัดไขมันอย่างตรงจุดที่หมอจะแนะนำก็คงหนีไม่พ้น “การดูดไขมัน” ค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางลัดเพื่อรูปร่างที่สมส่วน แต่ทั้งนี้ หลังจากดูดไขมันหมอก็ยังแนะนำให้ใช้วิธีการควบคุมอาหาร, นับแคลอรี่ รวมไปถึงการออกกำลังกายเพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันกลับมาอีกในอนาคตค่ะ
สรุป
โรคคลั่งผอม Anorexia Nervosa คือ โรคในกลุ่ม Eating Disorder ที่ถือว่ารุนแรงและน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบกับสุขภาพร่างกายแล้ว ยังส่งผลเสียกับจิตใจอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้ว หัวใจหลักในการลดน้ำหนักคือ ความปลอดภัย! ดังนั้น การอดอาหารจึงไม่ใช่ทางออกของทุกคน เพราะนอกจากร่างกายที่ผ่ายผอมไม่น่าดูแล้ว ยังส่งผลเสียกับสุขภาพกายและจิตใจจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะคะ
สำหรับใครที่สนใจลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถเข้ามาพูดคุยและปรึกษาได้ที่ Amara Clinic หรือตามช่องทางต่าง ๆ ด้านล่างค่ะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียน คลิกที่นี่
สาขารัชโยธิน 062-946-2397
สาขาราชพฤกษ์ 062-556-6623
สอบถามโปรโมชั่น LINE: @amaraclinic
หรือคลิกลิงค์นี้ได้เลย https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic