“คุณหมอคะ หนูมีหน้าท้องใหญ่มาก อ้วนสุด ๆ ทำยังไงได้บ้าง??” คำถามนี้ เป็นคำถามที่หมอมักจะเจอประจำ เวลาคนไข้เข้ามาปรึกษาหมอครับ ใครที่มีปัญหานี้ ไม่ต้องห่วงเลยครับ หมอสามารถแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับแต่ละคนได้!!

แต่ก่อนอื่นเลย หมอต้องดูก่อนว่าคนไข้หน้าท้องใหญ่เพราะอะไร แล้วหมอจึงจะแนะนำวิธีการรักษาให้ สำหรับบทความนี้ หมอไอซ์ Amara Clinic (อาจารย์สอนดูดไขมันพลังน้ำ ประจำประเทศไทย) จะมาพูดถึงเคสที่หน้าท้องใหญ่ เพราะมีไขมันสะสมที่ใต้ชั้นผิวหนังครับ พร้อมข้อมูลอย่างละเอียดว่า ไขมันใต้ผิวหนัง ลดยังไงให้ได้ผลดีที่สุด

ผลลัพธ์ที่ได้และรีวิวตัดหน้าอก

หน้าท้องใหญ่เกิดได้จากหลายสาเหตุมาก ๆ ครับ ทั้งสาเหตุที่คนคุ้นหูกันอยู่แล้วอย่างไขมันส่วนเกิน ซึ่งไขมันก็ยังมีแยกออกไปอีก เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) และไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้หน้าท้องใหญ่ได้แบบไม่รู้ตัว คือผิวหนังหย่อนคล้อย ทำให้พุงย้วย, ภาวะกล้ามเนื้อแยกและอ่อนแรง (Diastasis recti) และภาวะกระดูกสันหลังแอ่น (lordosis) ครับ

ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกปัญหาหน้าท้องใหญ่เพราะไขมันใต้ชั้นผิวหนัง รวมทั้งวิธีการรักษาอย่างตรงจุดว่า มีวิธีใดที่สามารถลดหน้าท้องใหญ่ อันเกิดจากไขมันใต้ชั้นผิวหนังลงได้บ้าง

ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง คืออะไร?

ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เป็นไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมัน ที่อยู่ติดชั้นผิวหนังของเรานั่นเอง แต่ด้วยการที่ไขมันชนิดนี้อยู่ภายนอก จึงทำให้เราดูอ้วนขึ้นอย่างชัดเจน หน้าท้องที่เคยบาง กลายเป็นหน้าท้องใหญ่ เอวที่เคยคอดเล็ก กลายเป็นเอวโอ ดูหุ่นพังสุด ๆ ไม่สวยแบบเดิมเลย

ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ส่วนหนึ่งเกิดจากการกินอาหารเข้าไปในปริมาณมาก กินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ และไม่ได้มีพฤติกรรมที่ช่วยเผาผลาญไขมันออกไป ทำให้พลังงานที่เหลือเหล่านี้ เข้าไปสะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังนี่เอง และอีกส่วนหนึ่ง ยังเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราด้วย ส่งผลให้ไขมันลงมากองรวมกันตามสัดส่วนต่าง ๆ และตรงที่สะสมได้ง่ายที่สุด คงหนีไม่พ้นหน้าท้อง ซึ่งทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจมานักต่อนักแล้ว และหากอยากให้หุ่นกลับมาดีได้เหมือนเก่า ก็คงต้องรีบใช้วิธีลดไขมันใต้ผิวหนังกันด่วนครับ

เช็คเลย! เรามีไขมันใตัชั้นผิวหนังเยอะไหม?

การเช็คไขมันบริเวณหน้าท้องของเราทำได้ง่ายมาก และมีวิธีเช็คหลายวิธีด้วยกัน สามารถดูได้เลยว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะแค่ไหน หรือมีไขมันในช่องท้องด้วยรึเปล่า? วิธีวัดไขมันหน้าท้องที่หมอจะแนะนำ มีด้วยกัน 4 แบบ ดังนี้

1. Pinch Test หรือการวัดไขมันด้วยมือ ให้เราหยิบไขมันหน้าท้องขึ้นมา ถ้าชั้นไขมันมีความหนา แปลว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะ
2. Fat Caliper การใช้คาลิปเปอร์วัดไขมัน แบบนี้จะมีตัวเลขด้วย จึงทำให้มีความแม่นยำกว่า Pinch Test
3. Body Fat Monitor หรือเครื่องวัดมวลไขมันของร่างกาย ที่เรามักจะเห็นบ่อย ๆ ตามฟิตเนส วิธีนี้จะรู้เปอร์เซ็นไขมันและมวลกล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกาย
4. Ultrasound การตรวจอัลตร้าซาวด์ร่างกาย

การกำจัดไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ลดหน้าท้องใหญ่

ถ้าเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังปกติทั่วไป สามารถกำจัดได้ด้วยการออกกำลังกาย เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน และการควบคุมปริมาณอาหารลง กินเท่าที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาสะสมใหม่ ถือว่าเป็นวิธีลดไขมันใต้ผิวหนังตามที่ผู้อ่านหลาย ๆ ท่านทราบกันดีเลยครับ

แต่ว่า!! หน้าท้องใหญ่ ๆ ของบางคน อาจจะมีไขมันใต้ชั้นผิวหนังบางส่วน ที่เป็นไขมันดื้อ (Stubborn Fat) อยู่ บางคนงงใช่ไหมครับว่าคืออะไร? ไขมันดื้อก็ตามชื่อเลยครับ ออกกำลังกายก็ไม่หายไป ควบคุมอาหารก็แล้ว เจ้าไขมันดื้อตัวนี้ก็ยังคงอยู่ หน้าท้องของเราเลยไม่หายไปนั่นเอง ทีนี้หลายคนจึงสงสัยนะครับว่า ไขมันดื้อด้านพวกนี้ หรือ ไขมันใต้ผิวหนัง ลดยังไง ให้หน้าท้องแบนสวยแบบเห็นผลจริง

ด้วยเหตุผลที่ว่าเราไม่สามารถกำจัดไขมันดื้อด้วยวิธีทั่ว ๆ ไปได้ จึงต้องพึ่งวิธีพิเศษทางการแพทย์เข้ามาช่วย คือการดูดไขมันหน้าท้อง, ฉีดสลายไขมัน (เมโสแฟต), นวดสลายไขมันด้วยพลังความร้อน (นวด RF) หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) แทนครับ

การดูดไขมันหน้าท้อง ลดหน้าท้องใหญ่

การดูดไขมันหน้าท้อง (Belly Liposuction) เป็นวิธีกำจัดไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และเกิดความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ซึ่งจะมีการใช้เครื่องดูดไขมันต่าง ๆ ในการสลายไขมันออกมา และดูดทิ้งไป แต่ก็ยังมีเครื่องดูดไขมันที่สามารถที่เอาไขมันไปเติมต่อได้ด้วยนะครับ เครื่องนั้นคือ body-jet นั่นเอง (เติมไขมันปลอดภัยมาก ไม่อันตรายใด ๆ )

อยากดูดไขมันหน้าท้อง ต้องทำยังไงบ้าง?

เริ่มจากหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันหน้าท้องก่อน ว่ามีวิธีไหนบ้าง? เราอยากดูดไขมันทิ้ง หรือจะเอาไขมันไปเติมส่วนอื่นต่ออีก พอเจอคลินิกดูดไขมันที่สนใจก็ให้นัดคิวเข้าปรึกษาแพทย์ได้เลยครับ แต่ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน เน้นเรื่องความปลอดภัย และมีรีวิวดูดไขมันหน้าท้องให้ดูเยอะ ๆ นะครับ

การฉีดสลายไขมันส่วนเกิน

การฉีดสลายไขมัน หรือที่คุ้นหูกันว่าฉีดแฟต ฉีดเมโสแฟต วิธีนี้สามารถลดไขมันใต้ชั้นผิวหนังลงได้จริง ทำแปปเดียวเสร็จ ไม่ต้องเปิดแผลใด ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และบริเวณที่ฉีดสลายไขมัน) ต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจึงจะเกิดความเปลี่ยนแปลง

ถ้าใครที่หน้าท้องใหญ่มาก ๆ การฉีดสลายไขมันอาจไม่ได้ตอบโจทย์นัก เพราะแทบจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้นการฉีดแฟตสลายไขมันหน้าท้อง จึงเหมาะกับเคสที่ดูดไขมันหน้าท้องไปแล้ว มีไขมันเหลืออยู่เล็กน้อย (บริเวณที่ดูดไขมันไม่ถึง) หรือการสลายไขมันในบริเวณเล็ก ๆ เช่น เหนียง เป็นต้น

การนวดสลายไขมันด้วยความร้อน

นวดสลายไขมันหน้าท้องด้วยความร้อน (นวด RF) เป็นการนวดสลายไขมัน โดยใช้เครื่องมือที่มีพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency) ในการผลิตความร้อน ให้สูงถึง 43°C (ระดับอุณหภูมิที่ช่วยสลายไขมันได้) แต่ต้องเลือกให้ดี เพราะว่าไม่ใช่ทุกเครื่องที่สามารถสลายและลดไขมันใต้ผิวหนังได้ บางเครื่องก็ช่วยเรื่องการกระชับตัวของผิวเพียงอย่างเดียว เนื่องจากพลังความร้อนไม่ถึงระดับที่ต้องการ

เครื่องนวดสลายไขมันที่แนะนำคือ Venus Legacy เนื่องจากตัวนี้ เป็นเครื่องที่ทำอุณหภูมิได้สูงถึงระดับที่สามารถสลายและลดไขมันใต้ผิวหนังได้ สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ดูระดับความร้อนแบบเรียลไทม์ได้เลย มีมาตรฐาน ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเห็นความเปลี่ยนแปลงของหน้าท้องหลังทำเลย

การสลายไขมันด้วยความเย็น

การสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) ช่วยลดหน้าท้องใหญ่ได้ในระดับหนึ่ง มีวิธีลดไขมันใต้ชั้นผิวหนังโดยการใช้เครื่องมือทำความเย็นประมาณ -11°C ถึง -13°C หนีบไปที่ชั้นไขมันหน้าท้องของเรา พอเซลล์ไขมันได้รับความเย็นมาก ๆ ก็จะทำเซลล์ไขมันแข็งตัว และตายไป จากนั้นเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว จะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกมาโดยกระบวนการของร่างกาย

แต่การสลายไขมันด้วยความเย็นนั้น ต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะในเคสที่หน้าท้องใหญ่มาก อาจจะเห็นผลได้ไม่ชัดเจนนัก และในบางเคสอาจไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงเลย